Christie’s จัดการประมูลแบบถ่ายทอดสดในงาน Hong Kong Luxury Week ครอบคลุมหมวดอัญมณี นาฬิกา กระเป๋า และไวน์ ซึ่งปิดการประมูลไปเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 โดยทำยอดรวมสูงสุดของตลาดที่ 987,152,660 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 127,483,757 ดอลลาร์สหรัฐ ขายได้ถึง 95% ของทั้งหมด และราคาปิดประมูลสูงกว่าประมาณการราคาต่ำสุดถึง 117% สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและการมีส่วนร่วมของนักสะสมที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดผ่านบรรยากาศที่คึกคักตลอดทั้งฤดูกาล จนส่งผลให้ยอดขายรวมเติบโตขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีก่อน

สินค้าลักชัวรียังคงดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก โดยประมาณ 20% ของผู้ซื้อเป็นหน้าใหม่ มีผู้เข้าร่วมจาก 20 ประเทศใน 4 ทวีป โดยยอดซื้อนำโดย จีนแผ่นดินใหญ่ ตามด้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีการเติบโตที่น่าจับตามองจากตะวันออกกลาง กลุ่มมิลเลนเนียลที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยี และเจน Z นอกจากนี้ เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ซื้อเข้าร่วมผ่านการประมูลออนไลน์

ยอดขายลักชัวรีฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ รวมทั้งการประมูลออนไลน์ ทำยอดรวมได้ 1 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 129 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการประมูลออนไลน์ยังคงเปิดให้เข้าร่วมอยู่ในขณะนี้ ทั้งหมวดอัญมณี Magnificent Jewels และหมวดนาฬิกา “The Eternity Part 2” and “The Chronicle Part 3” Collections

ไวน์ชั้นดีและหายากที่สุด

การประมูล Iconic Wines from Joseph Lau Part IV ทำยอดรวมได้ 39,899,750 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 5,151,664 ดอลลาร์สหรัฐ โดยขายได้ 98% ของล็อตทั้งหมด สะท้อนถึงความพิเศษของไวน์คอลเลกชันนี้ โดยล็อตที่ราคาสูงที่สุดคือ ไวน์ Domaine de la Romanée-Conti, Romanée-Conti 2002 จำนวน 6 ขวด ซึ่งขายได้ 1,375,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 176,403 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าประมาณการราคาสูงสุด

และเมื่อรวมยอดขายทั้งหมดของทุกพาร์ตจะอยู่ที่ 238,128,500 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 30,746,009 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น คอลเลกชัน Iconic Wines from Joseph Lau จึงกลายเป็นคอลเลกชันไวน์ที่มีมูลค่าสูงสุดเท่าที่ Christie’s เคยขายมาในระดับโลก

กระเป๋าและเครื่องประดับ

คริสตี้ส์ยังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดกระเป๋าและเครื่องประดับในเอเชีย หลังการประมูลสดที่ทำยอดรวมสูงถึง 60,651,390 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 7,826,953 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดตามฤดูกาลในเอเชีย และเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยการประมูลครั้งนี้ขายได้ 93% ของล็อตทั้งหมด ราคาปิดประมูลสูงกว่าประมาณการราคาต่ำสุดถึง 136%

และยังสร้างสถิติใหม่ของโลกด้วยการประมูลกระเป๋า Faubourg Birkin ในราคา 3,810,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 491,674 ดอลลาร์สหรัฐ และ Quelle Idole ที่ราคา 2,794,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 360,561 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหมวดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักสะสมรุ่นใหม่ที่เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ซื้อเป็นมิลเลนเนียลและเจน Z

อัญมณี

การประมูล Magnificent Jewels ทำยอดรวมสูงถึง 538,131,300 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 69,456,822 ดอลลาร์สหรัฐ ขายได้ 92% ของล็อตทั้งหมด โดยราคาปิดประมูลสูงกว่าประมาณการราคาต่ำสุดถึง 106% และเกือบ 60% ของล็อตขายได้สูงกว่าประมาณการราคาสูงสุด และการแข่งขันประมูลเป็นไปอย่างคึกคักในทุกช่องทาง โดยไฮไลต์ของการประมูลคือ ‘The Royal Blue’ สร้อยคอประดับแซฟไฟร์แคชเมียร์เฉดสีรอยัลบลู 16 เม็ด รวม 104.61 กะรัต ขายได้ 125,450,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 16,191,882 ดอลลาร์สหรัฐ ทำลายสถิติการประมูลโลกสำหรับสร้อยคอแซฟไฟร์

นาฬิกา

การประมูลนาฬิกาจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน ทำยอดรวมสูงถึง 348,470,220 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 45,002,455 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดตามฤดูใบไม้ร่วงที่เคยมีในเอเชีย เพิ่มขึ้นกว่า 80% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ราคาปิดประมูลโดยรวมสูงกว่าประมาณการราคาต่ำสุดถึง 138% และขายได้ 95% ของล็อตทั้งหมด

สำหรับการประมูล The John Shaw Patek Philippe Collection นั้น ขายได้ครบทุกล็อต ทำยอดรวม 52,542,440 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 6,791,205 ดอลลาร์สหรัฐ ด้านการประมูล Important Watches ซึ่งรวมคอลเลกชัน “The Chronicle Part 2” และ “The Eternity” ทำยอดรวม 295,927,780 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 38,216,972 ดอลลาร์สหรัฐ

มาถึงไฮไลต์ของการประมูลอย่าง Patek Philippe ref. 5004P-041 ซึ่งมีผู้ประมูลหลายรายแข่งขันกันจนขายได้ 11,684,000 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 1,508,906 ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ทำลายสถิติโลกของการประมูลรุ่น 5004

นอกจากนี้ การประมูลครั้งนี้ยังทำลายเก้าสถิติของโลกในการประมูลนาฬิการุ่นต่าง ๆ ของ Patek Philippe ได้แก่ 5004, 5016P-018, 3974J-001, 5029P, 3939P, 3970J double signed “Tiffany & Co.”, 3971R, 3990P, 5159R รวมถึงทุบสถิติโลกอีกสามล็อต ได้แก่ Lot 2393, Lot 2253, และ Lot 2459