“ชุมชนต้นแบบลุ่มน้ำโขง” ไม่ได้หมายถึงชุมชนใดชุมชนหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นแนวคิดในการพัฒนาชุมชน ที่เน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและยั่งยืน รวมถึงการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างมีคุณค่า รวมทั้งการสะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างชุมชนที่ เกื้อกูลกัน ทั้งในมิติของ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการรักษา มรดกทางประวัติศาสตร์ ที่มีคุณค่าในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission Secretariat : MRCS) เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลเพื่อการเจรจาและความร่วมมือระดับภูมิภาคในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2538 ตามข้อตกลงแม่น้ำโขงระหว่างกัมพูชา สปป. ลาว ไทย และเวียดนาม องค์กรนี้ทำหน้าที่เป็นเวทีระดับภูมิภาคสำหรับการทูตด้านน้ำ และเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาค
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) มีความร่วมมือกับ สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนในชุมชนลุ่มน้ำโขงทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ผ่านการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนการแปรรูปผลผลิตเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะพืชและสัตว์น้ำ อัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่น สาหร่ายไก ปลา ส้มโอ และหอมขาว เพื่อสร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิต และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน
โครงการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนในลุ่มน้ำโขง เป็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมของ วว. และสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ในการขับเคลื่อนงานวิจัย นวัตกรรม และเครื่องจักรต้นแบบครบวงจร เพิ่มรายได้และความมั่นคงให้ชุมชนริมน้ำ โดยนำ สาหร่ายน้ำจืดพื้นถิ่น “ไก” (Cladophora glomerata) หรือ “ไค” ซึ่งเป็นคำที่นิยมใช้ในหลวงพระบาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและอาหารพื้นบ้าน ของ สปป.ลาว มาเป็นต้นแบบการสร้าง “ห่วงโซ่มูลค่าชุมชน” (Community Value Chain) ที่สามารถต่อยอดสู่พื้นที่อื่นในภูมิภาคได้
โครงการดังกล่าวได้ผสานองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม “ไกกรอบ” รวมถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่คงคุณภาพของสินค้าและช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้า ที่นอกจากคุ้มครองสินค้าจากการขนส่งแล้ว ยังช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคในการซื้อสินค้าสำหรับเป็นอาหารว่างและเป็นของฝากสำหรับกัลยาณมิตรในแดนไกล

“ไก” สาหร่ายน้ำจืดที่มากด้วยคุณค่า
“ไก” เป็นสาหร่ายน้ำจืดที่มีสารคาโรทีนอยด์สำคัญ ได้แก่ แอสตาแซนธิน ลูทีน และเบต้าแคโรทีน ซึ่งเหมาะต่อการแปรรูปเป็นอาหาร วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมอาหารสุขภาพ จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีมาตรฐานการผลิต “ไกกรอบ” ที่ชุมชนสามารถดำเนินการได้เอง พร้อมผ่านการทดสอบคุณค่าทางโภชนาการและประเมินคุณภาพรสสัมผัส เพื่อความพร้อมในการจำหน่ายเชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ วว. โดย ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย ยังได้วิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ซึ่งมีคุณสมบัติในการยืดอายุสินค้าได้กว่า 270 วัน (ประมาณ 9 เดือน) พร้อมออกแบบให้สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น งานฝีมือของชุมชน และมีภาพลักษณ์พรีเมี่ยมเหมาะกับตลาดทั้งในและต่างประเทศ
วว. ต่อยอดเชิงพาณิชย์ “ไกกรอบ”
เพื่อนำไปสู่การต่อยอดการผลิตเชิงพาณิชย์ วว. ได้ออกแบบและพัฒนาเครื่องจักรต้นแบบครบวงจรสำหรับกระบวนการผลิต “ไกกรอบ” ตั้งแต่ขั้นตอนการล้าง ฉีดน้ำปรุงรส ตัด ทอด อบไล่น้ำมัน จนถึงการบรรจุถุงพร้อมเติมก๊าซไนโตรเจน เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ โดยเครื่องจักรแต่ละชนิดได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานของชุมชนโดยนักวิจัย วว. เพื่อให้ชุมชนสามารถนำไปใช้จริง ช่วยลดต้นทุนแรงงาน และยกระดับมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้องกับหลักสุขาภิบาลอาหาร (GMP) ดังนี้
1) เครื่องล้างสาหร่ายไก ขนาดบรรจุน้ำ 300 ลิตร ล้างได้ 100 กก. ต่อน้ำ 200 ลิตร ใช้งานง่าย ควบคุมด้วยสวิตช์อัตโนมัติ
2) เครื่องฉีดน้ำปรุงรส ควบคุมด้วยระบบเท้าเหยียบ เพิ่มความสม่ำเสมอของรสชาติ
3) เครื่องตัดสาหร่ายไก ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ตัดได้ 70 แผ่นต่อนาที
4) หม้อทอดสาหร่ายไก ตั้งอุณหภูมิ 180°C ใช้เวลาเพียง 5 วินาทีต่อแผ่น
5) เครื่องอบไล่น้ำมันและเครื่องซีลถุงไนโตรเจน ควบคุมอุณหภูมิและความเร็วสายพานอัตโนมัติ ยืดอายุสินค้าได้กว่า 270 วัน
นอกจากการวิจัยและพัฒนา เครื่องจักรต้นแบบครบกระบวนการผลิตแปรรูป แล้ว โครงการยังได้จัด การฝึกอบรมระดับภูมิภาคด้านการผลิตและบรรจุภัณฑ์ไกนวัตกรรม (Regional Training Workshop on Innovative Kai Production and Packaging) ร่วมกับมหาวิทยาลัยสุภานุวงศ์ และ MRCS ณ เมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิต การควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร การใช้บรรจุภัณฑ์สมัยใหม่ และการเพิ่มมูลค่าสินค้าให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ ผ่านกิจกรรมสาธิตภาคปฏิบัติ พร้อมกับการทดสอบประสาทสัมผัสรส (Sensory Taste) ในเครือข่ายผู้ผลิต นักวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในโอกาสนี้ H.E. รองศาสตราจารย์ ดร. ลิ่นคำ ดวงสะหวัน (H.E. Assoc. Prof. Dr. Linkham Douangsavanh) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาว ได้แสดงความชื่นชมอย่างยิ่งต่อ วว. ที่ได้นำเทคโนโลยีการแปรรูป “สาหร่ายไก” ซึ่งเป็นทรัพยากรพื้นถิ่นอันมีคุณค่าของ สปป.ลาว สู่การยกระดับเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงอย่างยั่งยืนและพร้อมต่อยอดในเชิงพาณิชย์ที่หลากหลายต่อไป
“การดำเนินโครงการนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่ไม่เพียงช่วยสร้างรายได้และความมั่นคงทางอาหารแก่ชุมชนริมน้ำโขงเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นของ สปป.ลาว ให้คงอยู่ต่อไปอย่างภาคภูมิ และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ วว. ในการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน โดยวางรากฐานให้ “ไก” ก้าวสู่ผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสร้างรายได้ให้กับชุมชนลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาว กล่าวสรุป
ร่วมจัดตั้งศูนย์ Shared-Production Service
นอกจากการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้น ณ สปป. ลาว แล้ว วว. ยังได้จัดตั้ง ศูนย์ Shared-Production Service “การผลิตและบรรจุผลิตภัณฑ์ไก (สาหร่ายน้ำจืด) อย่างสร้างสรรค์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” ณ วิถีชุมชนหมู่บ้านม่วงคำ หลวงพระบาง ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยการสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์สาหร่ายไกพื้นถิ่นเป็นหลักและมีการเปิดศูนย์ฯ อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 โดยได้รับเกียรติจาก H.E. Assoc. Prof. Dr. Linkham Douangsavanh รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและสิ่งแวดล้อม สปป.ลาว ผู้แทนจากสถานฑูตออสเตรเลีย เวียดนาม กัมพูชา คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง มหาวิทยาลัยสุภานุวงศ์ ผู้แทนชุมชนท้องถิ่นหลวงพระบาง สปป.ลาว เข้าร่วมงาน
ในโอกาสนี้ ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ วว. มอบหมายให้ ดร.บุณณนิดา โสดา ผอ.กองวิเทศสัมพันธ์ วว. ดร.ราเชนทร์ วิสุทธิแพทย์ นักวิจัยอาวุโส ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ วีรยุทธ พรหมจันทร์ นักวิจัย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมอาหารสุขภาพ สุภาวดี บัวบาน และ ปิยะพงษ์ นีรนาทวรุตม์กุล นักทดลองวิทยาศาสตร์วิจัย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมหุ่นยนต์และเครื่องจักรกลอัตโนมัติ ร่วมให้การต้อนรับและร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว
การจัดตั้ง ศูนย์ Shared-Production Service เป็นผลการดำเนินงานเชิงประจักษ์ของ วว. ในการเป็นผู้เชี่ยวชาญการถ่ายทอด Appropriate Technology ด้านกระบวนการผลิต มาตรฐาน และคุณภาพ ให้เหมาะสมกับบริบทและทักษะของชุมชน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีของ วว. ผนวกกับการมีส่วนร่วมของชุมชน สามารถนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ นอกจากนี้ สปป.ลาว ยังได้ชื่นชมรูปแบบการขยายผลเทคโนโลยีการผลิตสุรากลั่นของ วว. สู่ชุมชน โดยได้หารือความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ผู้ประกอบการ สปป.ลาว ในอนาคตด้วย
วว. พร้อมให้บริการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ ผ่านบริบทดำเนินการของเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน SMEs และภาคอุตสาหกรรม ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ด้วยบุคลากรที่เชี่ยวชาญ องค์ความรู้และโครงสร้างพื้นฐาน ที่พร้อมช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ call center โทร. 0 2577 9000 หรือที่ระบบบริการลูกค้า “วว. JUMP”

