การแพทย์มะเร็งแม่นยำ (Precision Oncology) กำลังเปลี่ยนแปลงวงการแพทย์ไทยอย่างก้าวกระโดด ท่ามกลางสถานการณ์ที่มะเร็งตับยังคงเป็นภัยเงียบอันดับหนึ่งของประเทศ
โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยใหม่ราว 27,000 ราย และเสียชีวิตมากถึง 26,704 ราย หรือเฉลี่ย 3 รายต่อชั่วโมง กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจเฝ้าระวังมะเร็งตับ ได้แก่ ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง โดยเฉพาะผู้ชายอายุมากกว่า 40 ปี และผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี, ผู้ป่วยตับแข็ง ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากไวรัสตับอักเสบบีหรือซี การดื่มแอลกอฮอล์หรือไขมันพอกตับ ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังที่มีญาติสายตรงเป็นมะเร็งตับ เป็นต้น
จากสถิติจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า มะเร็งตับและท่อน้ำดีเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยในกลุ่มโรคมะเร็ง ซึ่งเฉพาะในภูมิภาคเอเชียพบผู้ป่วยมะเร็งตับสูงถึง 73.3% ของผู้ป่วยทั่วโลก
ในงานประชุมวิชาการเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย (47th ACMTT 2025)บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดเสวนา “พลิกโฉมการแพทย์มะเร็งแม่นยำ ด้วยนวัตกรรมจากห้องปฏิบัติการทางคลินิก” เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างแพทย์และนักเทคนิคการแพทย์ในการยกระดับการวินิจฉัยผู้ป่วยมะเร็ง โดยแพทย์ชี้ให้เห็นว่า Biomarker สำหรับวินิจฉัยมะเร็งตับชนิดใหม่ พิฟก้าทู หรือ Protein induced by vitamin K absence or antagonist II (PIVKA-II) สามารถเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้ป่วย โดยช่วยตรวจพบมะเร็งตับระยะเริ่มต้นได้ถึง 78.9% เทียบกับ Biomarker สำหรับวินิจฉัยมะเร็งตับแบบเดิม Alpha-Fetoprotein (AFP) ที่ตรวจพบเพียง 36%
ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยเป็นเลิศด้านการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า “บทบาทของห้องปฏิบัติการทางคลินิกในยุคการแพทย์มะเร็งแม่นยำมีความสำคัญมาก ในอดีตเราวินิจฉัยโรคมะเร็งทุกชนิดแบบเดียวกันหมด การรักษาก็ขึ้นอยู่กับระยะของโรค แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการตรวจใหม่ อาทิ เทคโนโลยี Next Generation Sequencing หรือ NGS ทำให้เรารู้ว่ามีความแตกต่างกันในแต่ละชนิดของมะเร็ง นำไปสู่การรักษาที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น”
มะเร็งตับ นับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ร้ายแรงของไทย เนื่องจากในอดีตมีข้อจำกัดของเทคโนโลยี ทำให้ยากที่จะตรวจพบมะเร็งตับในระยะแรกที่ยังไม่มีอาการแสดง ผู้ป่วยส่วนใหญ่เข้ารับการรักษาเมื่อโรคอยู่ในระยะ 3-4 แล้ว ซึ่งลดโอกาสรอดชีวิตลงอย่างมาก
“แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการตรวจใหม่ เป็นการตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งชนิดใหม่จากการตรวจเลือด ด้วยการตรวจโปรตีนที่เรียกว่า พิฟก้าทู หรือ PIVKA-II (Protein induced by vitamin K absence or antagonist-II) และการ์ดสกอร์ หรือ GAAD Score ที่ทำให้การวินิจฉัยมะเร็งตับแม่นยำกว่าเดิมถึงสองเท่า” ศ.นพ.มานพ กล่าวเพิ่มเติม
นพ.ภาสกร วันชัยจิระบุญ รองประธานศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูงสาขามะเร็ง และรองผู้อำนวยการด้าน AI และนวัตกรรมทางการแพทย์ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี กล่าวว่า “PIVKA-II เป็นสารชีวภาพที่ใช้บ่งชี้มะเร็งตับชนิด Hepatocellular carcinoma (HCC) ช่วยในการวินิจฉัย และติดตามผลการรักษาได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้ร่วมกับการตรวจอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) และ AFP จะเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจพบมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นและประเมินความรุนแรงของโรคได้ดียิ่งขึ้น”
GAAD Score คือ ค่าที่ได้จากการประมวลผลอัลกอริทึม เพื่อช่วยประเมินความเสี่ยงมะเร็งเซลล์ตับตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยใช้ผลตรวจสารบ่งชี้มะเร็ง AFP และ PIVKA-II ร่วมกับเพศและอายุ เพื่อช่วยให้การวินิจฉัย พบได้เร็ว และแม่นยำขึ้น กลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการตรวจเฝ้าระวังมะเร็งตับ ได้แก่ ผู้ป่วยตับแข็ง ไม่ว่าจะมีสาเหตุจากไวรัสตับอักเสบบีหรือซี การดื่มแอลกอฮอล์หรือไขมันพอกตับ,ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง, ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง , ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง ทำให้การพบระยะมะเร็งตับระยะต้น ทำให้เข้าสู่การรักษาที่หายขาด ได้ดีขึ้นมาก
ศ.นพ.มานพ เน้นย้ำว่า “หากเราทำการวินิจฉัยได้เร็ว เลือกการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย ผลการรักษาก็จะดี และถ้าผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการตรวจ เข้าถึงยาได้เร็ว ผลการรักษาก็จะดีด้วย ปัจจุบันการรักษามะเร็งมียา และวิธีการรักษาใหม่มากมาย อาทิ ยามุ่งเป้า ภูมิคุ้มกันบำบัด เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยใหม่ ทำให้สามารถเลือกยา และวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยได้มากขึ้น”
การแพทย์มะเร็งแม่นยำยังพัฒนาไปอีกขั้นด้วยระบบ Tumor Board ระบบโซลูชันดิจิทัลจากโรช ที่ช่วยทีมดูแลผู้ป่วยมะเร็งในการตัดสินใจรักษาผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น มีการรวบรวมข้อมูลจากระบบต่าง ๆ นำเสนอในอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย แพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก รวดเร็วขึ้น ช่วยให้ทีมแพทย์สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยได้
การตรวจ PIVKA-II และ GAAD Score ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญในการคัดกรอง วินิจฉัย และติดตามผลการรักษามะเร็งตับในประเทศไทย โดยเฉพาะในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่มีอาการแสดง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วยชาวไทยโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ด้วยการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำกว่าเดิม