เที่ยงนี้กินอะไร วันนี้กินส้มตำกันไหม เป็นวิถีของคนไทยโดยทั่วไปที่ชื่นชอบความครบรสของ “ส้มตำ” (Papaya Salad) เพราะกินแล้วให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา
บ้างก็ชื่นชอบในแง่มุมของอาหารที่แคลอรี่ต่ำ เหมาะสำหรับมื้อที่ไม่อยากหนักท้องมาก แต่วงเล็บว่าจะต้องไม่เน้นข้าวเหนียวหรือจานอื่น ๆ ที่มักจะเคียงมาด้วยกัน อย่างลาบ น้ำตก หรือ ต้มแซบ
ส้มตำเป็นเมนูยอดฮิตของคนไทย ขณะที่ชาวต่างชาติที่ได้ลิ้มลอง หากไม่แพ้ความเผ็ดไปเสียก่อน ก็มักจะชื่นชอบเมนูนี้เช่นกัน
“วันส้มตำสากล” (International Somtum Day) ตรงกับวันที่ 2 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันที่นานาชาติให้การยอมรับว่า ส้มตำไทย นั้นอร่อยและยกย่องให้ส้มตำ เป็นอาหารสากล
ที่มาที่ไปของ “วันส้มตำสากล” เริ่มต้นเมื่อปี 2559 โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับ สมาคมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารไทยได้เสนอให้ องค์การสหประชาชาติ (ยูเนสโก้) ขึ้นทะเบียน “ส้มตำ” เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้
ต่อมาในปี พ.ศ. 2561 คณะกรรมการมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ของยูเนสโก้ ได้พิจารณาและ ให้การรับรองส้มตำ เข้าร่วมในรายการ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ของไทย
และวันที่ 2 มิถุนายน ของทุกปี จึงถือว่าเป็น “วันส้มตำสากล” เพราะส้มตำไม่เพียงเป็นอาหารพื้นบ้าน แต่ยังเป็นตัวแทนของความหลากหลายทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทย
ส้มตำมาจากไหน
แม้จะหาหลักฐานที่ชัดเจนไม่ได้ แต่พอจะอิงความหมายของคำว่า “ส้มตำ” ตามแหล่งกำเนิดทางภาคอีสานของประเทศไทย โดยคำว่า “ส้ม” ในภาคอีสานหมายถึง รสเปรี้ยว และ “ตำ” คือการโขลกหรือบดวัตถุดิบในครก
โดยส้มตำแบบดั้งเดิมคือ “ตำบักหุ่ง” ซึ่งใช้มะละกอดิบ ขูดฝอยแล้วตำรวมกับกระเทียม พริก มะเขือเทศ และน้ำปลา ต่อมาได้รับความนิยมและแพร่หลายในภูมิภาคอื่นของไทย และพัฒนาเป็นหลากหลายสูตรตามความชอบของผู้บริโภค
ส้มตำกับวัฒนธรรมอาหารไทย
ส้มตำไม่ใช่แค่อาหาร แต่เป็นวัฒนธรรมการกินที่สะท้อนถึงความอบอุ่นของครอบครัว การแบ่งปัน และความสนุกสนานในการกินร่วมกัน โดยเฉพาะในงานบุญ งานประเพณี หรืองานรวมญาติ เรามักจะเห็นผู้คนมารวมตัวกันโขลกส้มตำและนั่งล้อมวงกินข้าวเหนียว ไก่ย่าง และน้ำจิ้มแจ่วอย่างออกรส ส้มตำจึงกลายเป็นอาหารที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน
ส้มตำไทย ที่ไม่ได้มีแค่ “ส้มตำไทย”
แม้จะเรียกว่า “ส้มตำ” เหมือนกัน แต่แต่ละภาคมีรสชาติและส่วนผสมที่ต่างกัน เช่น
ตำไทย – รสหวานนำ (แต่ปัจจุบันก็สามารถระบุรสชาติที่ชอบได้) ไม่ใส่ปลาร้า เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นกินส้มตำ รวมทั้งผู้ไม่นิยมกินปลาร้า
ตำปูปลาร้า – ใช้ปูเค็มและน้ำปลาร้า เป็นที่นิยมในภาคอีสาน และผู้ที่ชื่นชอบส้มตำทั่วประเทศ
ตำผลไม้ – ใช้ผลไม้หลายชนิด เช่น มะม่วง แครอท แอปเปิล
ตำมั่ว – รวมหลายวัตถุดิบ เช่น ขนมจีน แคบหมู หมูยอ
ตำซั่ว – ใส่ขนมจีนเพิ่มความหนึบหนับ
ตำไข่เค็ม, ตำหอยดอง, ตำหมูยอ – ปรับแต่งตามวัตถุดิบโปรด
นอกจากนี้ยังมีส้มตำเวอร์ชันฟิวชัน เช่น ส้มตำเกาหลี ส้มตำญี่ปุ่น ที่ประยุกต์วัตถุดิบจากต่างชาติ
คุณค่าทางอาหารของส้มตำ
ส้มตำเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
- มะละกอดิบให้ไฟเบอร์ ช่วยระบบขับถ่าย
- กระเทียมและพริกช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- มะเขือเทศและมะนาวมีวิตามิน C
- หากเติมถั่วลิสงหรือไข่เค็ม จะเพิ่มโปรตีนและไขมันดี
- ส้มตำยังเป็นอาหารแคลอรีต่ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
ในปี 2566 TasteAtlas เว็บไซต์รวบรวมสูตรอาหารและรีวิวจากนักวิจารณ์อาหารทั่วโลก ในการจัดอันดับ 10 Best Rated SALADS in the World (2023) หรือ เมนูสลัดที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งส้มตำติดอยู่ในอันดับ 6 นอกจากนั้นชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ก็ยังหาโอกาสที่จะลิ้มลองรสชาติ จนอาจจะเป็นเมนูโปรดเช่นเดียวกับคนไทย ที่ยกให้เมนูนี้อยู่ในใจเสมอ