ในชีวิตของคนเรา อาจมีช่วงเวลาที่รู้สึกครึกครื้นเป็นพิเศษ มีพลังล้นเหลือ หรือในทางตรงกันข้าม อาจมีช่วงเวลาที่รู้สึกเศร้า หดหู่ หมดหวัง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของอารมณ์มนุษย์ แต่สำหรับบางคน การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เหล่านี้อาจรุนแรงและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะผิดปกติทางอารมณ์ที่เรียกว่า “โรคไบโพล่า”
เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการไบโพล่าเบื้องต้น ทั้งสาเหตุ แนวทางการรักษา และการปฏิบัติตัวต่อผู้ป่วย เพื่อสร้างความเข้าใจและเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังเผชิญกับภาวะนี้อยู่
อาการไบโพล่าเบื้องต้นเป็นอย่างไร? : สังเกตสัญญาณเตือน
โรคไบโพล่า หรือ “โรคอารมณ์สองขั้ว” เป็นภาวะผิดปกติทางสมองที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่รุนแรงผิดปกติ สลับกันระหว่างช่วง “Mania” (ช่วงครึกครื้น) และช่วง “Depression” (ช่วงซึมเศร้า) อาการเบื้องต้นของโรคนี้อาจสังเกตได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกๆ ที่อาการอาจยังไม่ชัดเจน แต่การสังเกตสัญญาณเตือนบางอย่างอาจช่วยให้เราตระหนักถึงความผิดปกติและเข้ารับการรักษาได้เร็วขึ้น
อาการไบโพล่าเบื้องต้น : ในช่วง Mania (ช่วงครึกครื้น)
- อารมณ์ดีผิดปกติ: รู้สึกมีความสุข สนุกสนาน ครึกครื้นมากเกินกว่าเหตุการณ์ที่เป็นจริง อาจหัวเราะหรือพูดคุยเสียงดังผิดปกติ
- พลังงานสูง: รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังงานล้นเหลือ ทำกิจกรรมต่างๆ มากมายโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้า
- ความคิดเร็ว: ความคิดแล่นเร็ว พูดเร็ว เปลี่ยนเรื่องคุยบ่อย จับต้นชนปลายไม่ถูก
- ความต้องการทางเพศสูง: มีความต้องการทางเพศมากขึ้นกว่าปกติ
- นอนน้อย: นอนหลับพักผ่อนน้อยลง แต่ยังรู้สึกสดชื่น ไม่ง่วง
- ความมั่นใจในตนเองสูง: เชื่อมั่นในความสามารถของตนเองมากเกินความเป็นจริง อาจคิดว่าตนเองมีความสามารถพิเศษ หรือทำสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล
- ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย: ซื้อของที่ไม่จำเป็น ใช้จ่ายเงินเกินตัว
- หุนหันพลันแล่น: ทำสิ่งต่างๆ โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา เช่น ขับรถเร็วเกินกำหนด มีพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ
อาการไบโพล่าเบื้องต้น : ในช่วง Depression (ช่วงซึมเศร้า)
- อารมณ์เศร้า: รู้สึกเศร้า หดหู่ ว่างเปล่า ร้องไห้ง่าย
- หมดความสนใจ: ไม่สนใจหรือไม่รู้สึกสนุกกับกิจกรรมที่เคยชอบทำ
- เบื่ออาหารหรือกินมากเกินไป: น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป: มีปัญหาในการนอนหลับ หรือรู้สึกง่วงตลอดเวลา
- อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรง
- รู้สึกผิดไร้ค่า: รู้สึกผิด ไม่มั่นใจในตนเอง มองโลกในแง่ลบ
- สมาธิลดลง: มีปัญหาในการคิด การตัดสินใจ และการจดจ่อ
- คิดถึงความตายหรือการฆ่าตัวตาย: มีความคิดวนเวียนเกี่ยวกับการตาย หรือพยายามฆ่าตัวตาย
อะไรคือสาเหตุของการเกิดโรคไบโพล่า?
สาเหตุที่แท้จริงของโรคไบโพล่ายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่
- ปัจจัยทางพันธุกรรม: มีหลักฐานว่าโรคไบโพล่าสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนี้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วไป
- ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง: การทำงานที่ไม่สมดุลของสารสื่อประสาทในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin), นอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) และโดปามีน (Dopamine) เชื่อว่ามีบทบาทสำคัญในการเกิดโรคนี้
- ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม: ความเครียด เหตุการณ์สะเทือนใจ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต หรือการใช้สารเสพติด อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการของโรคในผู้ที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว
- โครงสร้างและการทำงานของสมอง: การศึกษาภาพถ่ายสมองของผู้ป่วยโรคไบโพล่าพบว่ามีความแตกต่างในบางส่วนของสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์
หากมีอาการเบื้องต้นควรทำอย่างไร? ควรไปพบแพทย์หรือไม่?
หากคุณสังเกตว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการไบโพล่าเบื้องต้น หรือเกิดข้อสงสัยที่ทำให้คิดว่าเป็นโรคไบโพล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการุนแรง จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับผู้อื่น สิ่งสำคัญที่สุดคือการไปพบแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น จิตแพทย์ โดยเร็วที่สุด
การไปพบแพทย์ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกมีข้อดีหลายประการ
- การวินิจฉัยที่แม่นยำ: แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจมีการตรวจทางจิตเวช เพื่อวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง
- การรักษาที่เหมาะสม: การได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยควบคุมอาการ ลดความรุนแรงของโรค และป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
- การเรียนรู้และปรับตัว: แพทย์และทีมงานจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรค แนวทางการรักษา และวิธีรับมือกับอาการต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่กับโรคได้อย่างมีคุณภาพ
คนที่อยู่รอบข้างควรปฏิบัติกับคนที่เป็นโรคนี้อย่างไร?
การสนับสนุนและความเข้าใจจากคนรอบข้างมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไบโพล่า การปฏิบัติต่อผู้ป่วยด้วยความอดทน ความเห็นอกเห็นใจ และความเข้าใจ สามารถสร้างกำลังใจและช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกได้รับการยอมรับและไม่โดดเดี่ยว
- ให้ความรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรค: เรียนรู้เกี่ยวกับอาการ สาเหตุ และแนวทางการรักษาโรคไบโพล่า เพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่ผู้ป่วยกำลังเผชิญ
- รับฟังและให้กำลังใจ: เปิดใจรับฟังความรู้สึกของผู้ป่วยอย่างตั้งใจ ให้กำลังใจและสนับสนุนให้ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- สังเกตอาการและสัญญาณเตือน: ช่วยสังเกตการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ พฤติกรรม หรือความคิดของผู้ป่วย และแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีอาการที่น่ากังวล
- สนับสนุนให้ผู้ป่วยดูแลตนเอง: สนับสนุนให้ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ
- หลีกเลี่ยงการตัดสินหรือตำหนิ: ผู้ป่วยไม่ได้ตั้งใจที่จะมีอาการ การตำหนิหรือตัดสินจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแย่และโดดเดี่ยว
- อดทนและเข้าใจ: การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เป็นส่วนหนึ่งของโรค ต้องมีความอดทนและเข้าใจในการดูแลผู้ป่วย
- ดูแลสุขภาพจิตของตนเอง: การดูแลผู้ป่วยโรคไบโพล่าอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย ผู้ดูแลควรดูแลสุขภาพจิตของตนเองด้วยเช่นกัน หากรู้สึกเหนื่อยล้าหรือเครียด ควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหรือกลุ่มสนับสนุน