ttb analytics ประเมิน เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566

Published on

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 จากแรงกดดันด้านราคาและอัตราดอกเบี้ย หากแต่ตลาดแรงงานยังทยอยฟื้นตัวซึ่งมีส่วนช่วยพยุงให้เศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่ยังขยายตัวได้ ยกเว้นบางแห่งที่เกิดความเปราะบางในการจ้างงานมีโอกาสเกิดการถดถอยเชิงเทคนิค โดยเงินเฟ้อทั่วโลกที่ชะลอตัวทำให้การดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดมีความจำเป็นลดลง

นับแต่ต้นปี 2566 การขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางส่วนใหญ่เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ขณะที่การเปิดประเทศของจีน แม้ถือเป็นความหวังว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจโลกกลับมาขยายตัวแข็งแกร่งมากขึ้นหลังยุคโควิด-19 แต่จนถึงปัจจุบัน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป

แม้ล่าสุดในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2566 ธนาคารโลกได้ออกมาปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2566 ขึ้นมาเป็น 2.1% จาก 1.7% ในการประเมินรอบต้นปี แต่ยังเป็นทิศทางที่ชะลอตัวลงจากปี 2565 ซึ่งขยายตัวที่ 3.1% และโดยภาพรวมของการปรับเพิ่มประมาณการปีนี้ เกิดจากการที่เศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจขนาดใหญ่ส่วนมากยังมีเสถียรภาพ ไม่ได้ทรุดตัวแรงเท่าที่้คาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แม้เจอแรงกดดันจากดอกเบี้ยและเงินเฟ้อในระดับสูง สำหรับในระยะต่อไปในปี 2567 คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 2.4%

สำหรับภาพเศรษฐกิจโลกในครึ่งหลังปี 2566 หากประเมินจากปัจจัยด้านมหภาคของประเทศต่าง ๆ ที่สำคัญ ในปัจจุบันพบว่าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

กลุ่มแรก กลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจแผ่วลง แต่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อได้ อาทิ 1) เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ที่แม้การส่งออกสินค้าและความต้องการสินค้าในประเทศชะลอลง แต่ตลาดแรงงานโดยรวมที่ยังเข็มแข็งและเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้โดยรวมกำลังซื้อยังมีอยู่ 2) เศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่น รวมทั้งเศรษฐกิจไทย มีทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่องจากการบริโภคในประเทศและภาคบริการ แต่แรงส่งในครึ่งปีหลังอาจแผ่วลงบ้าง ส่วนการผลิตและการส่งออกสินค้ามีทิศทางชะลอตัวลงสอดคล้องกับภาวะการค้าโลก ขณะที่การจ้างงานมีทิศทางทยอยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

กลุ่มที่ 2 กลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มเปราะบางอยู่ อาทิ 1) เศรษฐกิจอังกฤษ กำลังประสบภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจชะงักงัน โดยเกิดความเปราะบางทั้งในด้านการส่งออกและการบริโภค รวมถึงอัตราการว่างงานสูงกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 2) เศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งปัจจุบันแรงส่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจชะงักงันหรือไม่มีการเติบโต (การเติบโตไตรมาสต่อไตรมาส) ทั้งจากการส่งออกสินค้าที่ชะลอตัวลง และการบริโภคภายในภูมิภาคที่หดตัวต่อเนื่องจากผลของภาวะสงครามในยูเครน ค่าครองชีพและการเร่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ECB หรือธนาคารกลางสหภาพยุโรป อย่างไรก็ดี เนื่องจากอัตราการว่างงานของยูโรโซนโดยรวมยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง จึงเป็นตัวช่วยพยุงให้พื้นฐานกำลังซื้อของคนยุโรปไม่ทรุดตัวลงหนักท่ามกลางแรงกดดันด้านราคา

ทั้งนี้ หากอ้างอิงนิยามภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่กล่าวว่า เป็นการลดลงของระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แท้จริงในทุกภาคส่วนติดต่อกันในระยะเวลา 3-6 เดือน และประการที่สอง คือ เริ่มเห็นความเปราะบางในตลาดแรงงานมากขึ้นผ่านอัตราการว่างงานที่สูงขึ้นนั้น ทำให้ทราบได้ว่า เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีเพียงเยอรมนีที่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (เศรษฐกิจหดตัว 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หรือ QoQ (Quarter on Quarter) ในไตรมาส 1/2566 และหดตัว 0.5% QoQ ในไตรมาส 4/2565) และกำลังเผชิญอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยจาก 5.5% ในช่วงต้นปี โดยปรับขึ้นมาอยู่ที่ 5.6% ในกลางปี 2566

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแรงส่งของเศรษฐกิจโลกส่วนใหญ่ยังขยายตัวได้ จึงประเมินได้ว่าจะเป็นเพียงการถดถอยในระยะสั้นหรือการถดถอยทางเทคนิค (Technical Recession) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม บางประเทศในภูมิภาคยุโรปยังมีความเสี่ยงที่อาจเข้าสู่ Technical Recession เพิ่มเติมได้ อาทิ ฟินแลนด์ และเดนมาร์ก เพราะนอกจากอุปสงค์ในประเทศอ่อนแอแล้ว ยังเริ่มเห็นความเปราะบางในตลาดแรงงานของประเทศเหล่านี้ชัดเจนขึ้นด้วย

ดังนั้น ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 แม้ความต้องการสินค้าทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากแรงกดดันด้านราคาและดอกเบี้ยในระดับสูง แต่ภาวะตลาดแรงงานโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการจ้างงานเพิ่มในภาคบริการเป็นหลัก ttb analytics จึงประเมินโดยรวมว่า จะมีเฉพาะบางประเทศเท่านั้นที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ Technical Recession หรือ การหดตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจช่วงสั้นๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางในตลาดแรงงาน

นอกเหนือจากโมเมนตัมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงแล้ว อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกได้ชะลอลงพร้อมกันด้วย ทำให้ธนาคารกลางส่วนใหญ่ รวมทั้ง Federal Reserves จะเข้าสู่ช่วงหยุดการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 สำหรับการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปค แม้จะเพิ่มแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบโลกขึ้นมาบ้าง แต่ผลกระทบไม่แรงพอที่จะผลักให้เงินเฟ้อโลกพุ่งสูงขึ้นเหมือนช่วงที่เกิดปัญหาขาดแคลนในห่วงโซ่การผลิตสินค้าในช่วงก่อนหน้า

จากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปี จึงทำให้เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงผ่านการชะลอตัวในภาคการส่งออกสินค้า ซึ่งกระทบต่อระดับการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสินค้าที่มีคำสั่งซื้อจากกลุ่มยุโรปมีแนวโน้มลดลงชัดเจนในปัจจุบัน (มีสัดส่วน 10.8 % ของการส่งออกของไทยทั้งหมด) เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ (สัดส่วน 26% ของการส่งออกไปยุโรปทั้งหมด) ผลิตภัณฑ์ยาง (4%) เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (7.2%) เหล็กกล้า (2%) รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวยุโรปอาจมีทิศทางชะลอตัวได้เช่นกัน (มีสัดส่วน17% ของจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าของไทยทั้งหมด)

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this