ttb analytics คาด อินเดียก้าวขึ้นเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 5 ของไทยในปี 2566

Published on

ttb analytics คาด อินเดียก้าวขึ้นเป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 5 ของไทยในปี 2566 ด้วยมูลค่าการส่งออกรวมสูงกว่า 4.2 แสนล้านบาท จากกำลังซื้อที่เร่งตัวในทศวรรษนี้

อินเดียเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 10 อันดับแรก โดยมีอัตราคาดการณ์เติบโตเฉลี่ยสูงถึง 6.1% ต่อปีในช่วงปี 2566-2571 ซึ่งปัจจัยการเติบโตมาจากโครงสร้างประชากรในวัยแรงงานที่อยู่ในช่วงกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกกว่า 180 ล้านคน ทำให้สัดส่วนครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางในระดับสูง (Upper Middle-Income) ขึ้นไป เพิ่มขึ้นเป็น 51% ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด ส่งผลให้อินเดียเป็นตลาดส่งออกที่น่าจับตา โดยเฉพาะในปี 2566 นี้ ตลาดอินเดียมีโอกาสขยับเป็นตลาดส่งออกอันดับ 5 ของไทยด้วยมูลค่าส่งออกถึง 4.2 แสนล้านบาท

อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง จากการประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่คาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัว 5.9% ในปี 2566 ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากปี 2565 สำหรับในระยะต่อไปบนศักยภาพของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดี โดย IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะสามารถรักษาการเติบโตเฉลี่ยที่ 6.1% ในช่วงปี 2566-2571 หนุนด้วยการเติบโตของกำลังซื้อในประเทศในอัตราเร่ง ทำให้อินเดียเริ่มนำเข้าสินค้าหลายรายการเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นตามกำลังซื้อ ส่งผลให้อินเดียขยับจากการเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 10 ของไทยในปี 2562 ด้วยมูลค่า 2.28 แสนล้านบาท

และเร่งตัวขึ้นเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 7 ในปี 2565 ด้วยมูลค่า 3.64 แสนล้านบาท หรือเติบโต 34.2% จากปี 2564 สำหรับในปี 2566 เมื่อพิจารณาบนพื้นฐานของการเติบโตในอัตราเร่งของเศรษฐกิจ ทำให้อินเดียมีโอกาสขยับสถานะเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 5 ของไทย ด้วยมูลค่าการส่งออก 4.2 แสนล้านบาท หนุนด้วยโครงสร้างประชากร โดยเฉพาะวัยแรงงานที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเพิ่มกำลังซื้อในประเทศในระยะยาว ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 มิติดังนี้

1) มิติเชิงปริมาณ ประเทศอินเดียปัจจุบันพบว่ามีประชากรอยู่ในวัยแรงงานจำนวน 874.5 ล้านคน ซึ่งคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเพิ่มสูงถึง 1,054 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 178.6 ล้านคน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดส่งออกหลักอันดับ 4-6 เช่น ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม พบโครงสร้างประชากรอยู่ในวัยแรงงานที่ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นที่ 2.0 ล้านคน 14.9 ล้านคน และ 4.9 ล้านคน ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับตลาดส่งออกลำดับ 3 ของไทย เช่น ประเทศญี่ปุ่น พบโครงสร้างประชากรอยู่ในกำลังแรงงานที่ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะลดลงถึง 6.0 ล้านคน ซึ่งในมิติการเพิ่มขึ้นของจำนวนแรงงานในจำนวนมหาศาลของอินเดียเป็นปัจจัยเร่งต่อกำลังซื้อในมิติของปริมาณ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

2) มิติเชิงคุณภาพ ผ่านการยกระดับสถานะทางรายได้ เนื่องจากในช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมา อินเดียมีการเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อหัวสูงถึง 56% เป็นลำดับที่ 2 ของกลุ่มประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 10 อันดับแรกของโลก สอดคล้องกับงานศึกษาของ Bain & Company ที่ประมาณการว่าในปี 2573 จะมีประชากรอินเดียที่มีรายได้ปานกลางในระดับสูงขึ้นไป จำนวนมากกว่า 500 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 51% ของจำนวนประชากรทั้งหมด เร่งตัวขึ้นจากปี 2561 ที่มีสัดส่วนเพียง 24% ซึ่งผลการศึกษาไปในทิศทางเดียวกันกับงานศึกษาขององค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่ชี้ว่าในปี 2573 ประชากรอินเดียจะเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ปานกลางมากที่สุดหรือคิดเป็นสัดส่วน 25% ของกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ปานกลางทั่วโลก ซึ่งในมิติการเปลี่ยนสถานะทางรายได้ เป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยให้เพิ่มในอัตราเร่ง

ดังนั้น ด้วยการเติบโตของตลาดส่งออกอินเดียในปี 2566 คาดว่าจะขยับสถานะเป็นตลาดส่งออกอันดับ 5 ของไทย และบนทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว ttb analytics ประเมินว่าภายในปี 2575 ประเทศอินเดียมีแนวโน้มขยับขึ้นเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 3 ของไทยแทนที่ญี่ปุ่น ด้วยแรงผลักดันจากกลุ่มสินค้าทั้งกลุ่มมูลค่าส่งออกสูงและสินค้าที่มีศักยภาพขยายตัวสูง ดังต่อไปนี้

กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกสูง เช่น กลุ่มน้ำมันพืช เม็ดพลาสติก และ เคมีภัณฑ์โดยในปี 2565 มีมูลค่าการส่งออกรวม 1.16 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 31.8% ของการส่งออกรวมไปอินเดีย ซึ่งแนวโน้มสินค้ามูลค่าส่งออกสูงเป็นกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคที่มีการเติบโตตามกำลังซื้อของประชากรที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากโครงสร้างรายได้ในปี 2561 พบว่า สัดส่วนครัวเรือนรายได้ปานกลางในระดับต่ำ (Lower Middle-Income) อยู่ที่ 57% และมีสัดส่วนครัวเรือนรายได้ต่ำ (Low-Income) อยู่ที่ 43% แต่มีการประมาณการว่าในปี 2573 สัดส่วนครัวเรือนรายได้ต่ำจะลดลงเหลือเพียง 15% ขณะที่ครัวเรือนที่มีรายได้ตั้งแต่ปานกลางในระดับต่ำขึ้นไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 85%

กลุ่มสินค้าที่มีศักยภาพการขยายตัวสูง เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนสถานะไปสู่สังคมที่มีรายได้เฉลี่ยสูงขึ้น โดยประมาณการว่าในปี 2573 จะมีสัดส่วนครัวเรือนรายได้ปานกลางในระดับสูงขึ้นไปอยู่ที่ 51% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปี 2561 ที่มีสัดส่วนเพียง 24% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของครัวเรือนที่มีกำลังซื้อสูงเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกของกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เช่น กลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และ อาหารกลุ่มพรีเมียม ในปี 2565 มีมูลค่าส่งออกไม่มากแต่มีอัตราการเติบโตสูง

กล่าวโดยสรุป อินเดียเป็นตลาดส่งออกที่น่าสนใจและมีศักยภาพการขยายตัวสูงที่สุดตลาดหนึ่งในตลาดเศรษฐกิจใหญ่ 10 อันดับแรกของโลก ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีข้อได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งที่สามารถเชื่อมภาคการค้าของอินเดียไปยังตลาดใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา และจีน ส่งผลให้ไทยควรใช้ข้อได้เปรียบดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านข้อตกลงการค้าที่สำคัญ อาทิ ความตกลงการค้าเสรี อาเซียน-อินเดีย (AIFTA) และ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) รวมทั้งพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าเพื่อเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ และเร่งรัดพัฒนาโครงสร้างการคมนาคมขนส่งโดยเฉพาะท่าเรือฝั่งตะวันตกของไทยเพื่อพัฒนาให้ไทยเป็นจุดเชื่อมโยงการค้าสำคัญของภูมิภาค เพื่อเพิ่มโอกาสการยกระดับเป็นคู่ค้าสำคัญของตลาดอินเดียที่มีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this