ลอรีอัล กรุ๊ป เผยผลประกอบการปี 65 เติบโตกว่า 10% ย้ำภาพผู้นำตลาดความงาม

Published on

นิโคลา ฮิโรนิมุส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวถึงตัวเลขผลประกอบการดังกล่าวว่า “เราประสบความสำเร็จในเรื่องผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปีนี้ได้ เพราะความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของเรา รวมทั้งการที่แบรนด์ต่างๆ ล้วนเป็นที่ต้องการ การดำเนินงานที่คล่องตัว และความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ของทีมงานเรา การขยายตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 นั้น ขยายตัวได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นในแต่ละไตรมาส และสามารถเติบโตได้ 23% ตลอดทั้งปี

การขยายตัวอย่างสมดุลของเราทั้งในแผนกและภูมิภาคต่าง ๆ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันของโมเดลแบบหลายขั้วของเรา ทั้งการรวมศูนย์ในด้านกลยุทธ์และกระจายอำนาจในด้านการดำเนินงานภายใต้กรอบความคิดแบบผู้ประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้โมเดลนี้เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เราแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากปี 2565 และสามารถตอกย้ำจุดยืนในฐานะบริษัทความงามชั้นนำของโลก

ผลการดำเนินงานที่มีคุณภาพสูงเหล่านี้ทำให้เราสามารถสนับสนุนพันธกิจทางสังคม และสิ่งแวดล้อมของเราได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสอดคล้องกับความทะเยอทะยานแบบคู่ขนานทั้งด้านการดำเนินงานทางเศรษฐกิจและธุรกิจของเรา แม้ว่า บริษัทจะตระหนักถึงความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่เรายังคงมีความทะเยอทะยานเพื่ออนาคต มีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มตลาดความงาม และเชื่อมั่นในความสามารถที่จะสร้างผลงานที่โดดเด่นเหนือตลาดต่อไป รวมทั้งการเพิ่มยอดขายและกำไรในปี 2566”

 

ยอดขายในปี 2565

ยอดขายมีมูลค่ารวม 3.826 หมื่นล้านยูโร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 พุ่งขึ้น 18.5% ตามตัวเลขรายงาน และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอิงตามขอบเขตงบรวมที่สามารถเทียบได้ และอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมือนกัน ยอดขายของลอรีอัล กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 10.9%

 

สรุปผลการดำเนินงานตามแผนก

ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ

แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 18.3% ตามตัวเลขรายงาน

แผนกธุรกิจนี้สามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบทบาทของตัวเองในตลาดความงามสำหรับมืออาชีพ โดยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค ขณะที่ผลการดำเนินงานก็มีความโดดเด่นในประเทศจีน อินเดีย และบราซิล แผนกยังมีผลการดำเนินงานที่ดีในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายทุกช่องทาง ทั้งซาลอน เครือข่ายซาลอนเซ็นทริก (SalonCentric) ในสหรัฐ และช่องทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่งถือเป็นการยืนยันความสำเร็จของกลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายอีกครั้ง

การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับพรีเมียมได้รับแรงขับเคลื่อนจากผลการดำเนินงานของเคราสตาส (Kérastase) ซึ่งสามารถทำยอดขายได้สูงกว่า 1 พันล้านยูโรเป็นครั้งแรก และซีรี เอ็กซ์เพิร์ธ (Série Expert) โดย ลอรีอัล โปรเฟสชันแนล (L’Oréal Professionnel) เนื่องจากความสำเร็จของนวัตกรรมเมทัล ดีท็อกซ์ (Metal Detox) แผนกนี้ยังประสบความสำเร็จกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม ด้วยไลน์สินค้าระดับไอคอน เช่น เชดส์ อีคิว (Shades EQ) โดยเรดเคน (Redken) และไอนัว (Inoa) โดยลอรีอัล โปรเฟสชันแนล (L’Oréal Professionnel)

ในฐานะผู้นำในวงการ แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพยังคงมีส่วนร่วมกับแฮร์สไตลิสต์ทั้งหมดที่เป็นพันธมิตรของเราในช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืนด้วยการเปิดตัวโครงการ “แฮร์สไตลิสต์เพื่ออนาคต”

 

ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค

แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคเติบโตมากที่สุดในรอบ 20 ปี: เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 14.6% ตามตัวเลขรายงาน

การเติบโตของแผนกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยการคิดค้นนวัตกรรม และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้อย่างเหมาะสมโดยปราศจากการสูญเสียในแง่ของปริมาณ แบรนด์ชั้นนำทุกแบรนด์สามารถทำผลงานได้เหนือตลาดเนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ประสบความสำเร็จในกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ แผนกธุรกิจนี้ยังสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในส่วนของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม โดยเอลวีฟ ไฮยาลูรอน พลัมพ์ (Elvive Hyaluron Plump) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยยืนยันถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั่วโลก

เมคอัพเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุดของแผนก ด้วยความสำเร็จของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายผลิตภัณฑ์ เช่น ซูเปอร์สเตย์ ไวนิล อิงค์ (Superstay Vinyl Ink) โดยเมย์เบลลีน นิวยอร์ก ลิปสติกเนื้อลิควิดที่ให้ความวาวและติดทนนานตัวแรก ในส่วนของผลิตภัณฑ์สกินแคร์นั้น การ์นิเย่ (Garnier)

เป็นแบรนด์ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตได้มากที่สุดของแผนกนี้ โดยวิตามิน ซี ไบรเทรนิ่ง เซรั่ม (Vitamin C Brightening Serum) ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น อเมริกาเหนือและยุโรปก็มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกัน ละตินอเมริกา และ SAPMENA-SSA  ก็ขยายตัวรวดเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในประเทศที่มีศักยภาพสูง เช่น เม็กซิโก อินเดีย และบราซิล ความสำเร็จเหล่านี้ช่วยชดเชยสถานการณ์ตลาดที่ท้าทายในจีน ซึ่งแผนกธุรกิจนี้ในจีนมีส่วนแบ่งตลาดที่ขยายตัวเร็วขึ้นในไตรมาส 4

ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง

ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงมีการเติบโตที่แข็งแกร่งที่ระดับ 10.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 18.6% ตามตัวเลขรายงาน โดยโดดเด่นเหนือกว่าตลาดความงามชั้นสูงทั่วโลกที่คึกคักขึ้นอีกครั้งในปีนี้

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงได้ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์น้ำหอม ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดที่มีลูกค้าที่ช่างเลือกสรร ผลการดำเนินงานนี้ได้แรงขับเคลื่อนจากผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดทั่วโลก เช่น ลิเบรอ (Libre) โดยอีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent), ลา วี เอ แบลล์โดยลังโคม (La Vie Est Belle by Lancôme) และแอควา ดิ จีโอ (Acqua di Gio) โดยอาร์มานี (Armani)

รวมทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เริ่มต้นได้อย่างน่าประทับใจ เช่น พราด้า พาราด๊อกซ์ (Prada Parodoxe) ในส่วนของสกินแคร์ แผนกธุรกิจนี้เติบโตเร็วกว่าตลาดถึง 3 เท่าจากกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมพิเศษ โดยมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและนวัตกรรมที่ทันสมัย เช่น เรเนอร์จี เอช.ซี.เอฟ.ทริปเปิล เซรั่ม (Rénergie H.C.F Triple Serum) ของลังโคม และความสำเร็จของการซื้อกิจการล่าสุด ซึ่งรวมถึงแบรนด์ทาคามิ (Takami) ของญี่ปุ่น แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังมีการเติบโตในส่วนของผลิตภัณฑ์เมคอัพซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการใหม่ ๆ ของอีฟส์ แซงต์ โลรองต์

แต่ท่ามกลางสภาพตลาดที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่ตลาดจีนชะลอตัวลงอย่างมากนั้น แผนกธุรกิจนี้ก็ยังสามารถยืนหยัดการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ได้ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดโลกได้ตั้งแต่ปี 2562 แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูงยังเติบโตควบคู่ไปกับตลาดในยุโรป และสามารถขยายตัวได้อย่างมีนัยสำคัญในเอเชียเหนือ

ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง

แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางปิดท้ายปีด้วยการเติบโตอย่างโดดเด่นที่ 21.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และเพิ่มขึ้น 30.6% ตามตัวเลขรายงาน

แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโมเดลการดำเนินการที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำแนะนำ และเติบโตเร็วถึงสองเท่าของตลาดเวชสำอาง ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่สั่งจ่ายโดยแพทย์ แผนกนี้ยังเติบโตในอัตราเลขสองหลักในทุกภูมิภาค และมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในอเมริกาเหนือ, SAPMENA–SSA และจีน ซึ่งลาโรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) และเซราวี (CeraVe) ยังคงมีส่วนสนับสนุนการเติบโตของแผนกธุรกิจนี้ในสัดส่วนเท่าๆ กัน

ขณะที่ลาโรช-โพเซย์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของแผนก ยังมีผลการดำเนินงานโดดเด่นอย่างต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์หลักของแบรนด์อย่างซิคาพลาสต์ (Cicaplast) และเอฟฟาแคลร์ (Effaclar) และจากความสำเร็จของยูวีมูน 400 (UVMune 400) นวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาใหม่เพื่อป้องกันแสงแดด เซราวียังคงขยายตัวในระดับนานาชาติ โดยสามารถเติบโตได้เป็นพิเศษทั้งในสหรัฐและภูมิภาคอื่น ๆ ทั่วโลก ขณะที่วิชี่ (Vichy) ก็สามารถรักษาอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องไว้ได้ด้วยเดอร์คอส (Dercos) และแคปิตอล โซเลย ยูวี (Capital Soleil UV) ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดงที่ใช้ได้ทั้งตามฤดูกาลและในชีวิตประจำวัน

สรุปตามภูมิภาค

SAPMENA – SSA เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และแอฟริกาใต้ซาฮารา

ภูมิภาคนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 22.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 28.1% ตามตัวเลขรายงาน

ในภูมิภาค SAPMENA ลอรีอัล กรุ๊ป เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกตลาด แม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายในการจัดหาวัตถุดิบ การที่ผู้บริโภคกลับไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าช่วยให้ให้ลอรีอัลสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นอย่างมหาศาลในช่องทางร้านค้าปลีก ส่วนในแปซิฟิกนั้น การขยายตัวได้รับแรงขับเคลื่อนจากกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอม และสกินแคร์ โดยเฉพาะการขยายตัวของลาโรช โพเซย์ และเซราวี ขณะที่เมคอัพของเมย์เบลลีน นิวยอร์ก และสกินแคร์ การ์นิเย่ ต่างก็เป็นแบรนด์ที่กระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าได้ทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเติบโตเป็นพิเศษในอินเดียก็ได้รับแรงกระตุ้นจากความสำเร็จของแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ และผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคในสินค้าทุกกลุ่ม ขณะที่ประเทศในแถบอ่าวก็ยังมีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารา (SSA) ลอรีอัลมีผลการดำเนินงานที่เหนือตลาดอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการพัฒนาของทุกแผนก โดยแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางนั้นเติบโตเป็นพิเศษ หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวเซราวีในภูมิภาคนี้

ยุโรป

มีอัตราการเติบโตที่ 11.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 12.3% ตามตัวเลขรายงาน

อเมริกาเหนือ

ภูมิภาคนี้ปิดท้ายปีด้วยอัตราการเติบโต 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน และเพิ่มขึ้น 24.6% ตามตัวเลขรายงาน และมียอดขายแตะหลัก 1 หมื่นล้านยูโร

เอเชียเหนือ

ภูมิภาคนี้เติบโต 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 14.8% ตามตัวเลขรายงาน นอกจากนี้ โรงงานทุกแห่งของลอรีอัลในเอเชียเหนือยังได้รับสถานะ “ความเป็นกลางทางคาร์บอน”  ในปี 2565

ละติน อเมริกา

ภูมิภาคนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง 18.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 34.1% ตามตัวเลขรายงาน

 

Latest articles

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

คนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ย 340 แก้ว/ปี เผยเทรนด์กาแฟพร้อมดื่ม Café Hopping กำลังมา

คนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ย 340 แก้ว/คนปี เผยเทรนด์ก Café Hopping กำลังมา นี่คือโจทย์ใหม่ของกาแฟพร้อมดื่ม จากเครื่องดื่มสู่บทใหม่ของวัฒนธรรมการใช้ชีวิต

More like this