สวส. พาเยือน “แดรี่โฮม” วิสาหกิจเพื่อสังคม สู่โลกแห่งความยั่งยืน

Published on

เมื่อกระแสโลกมุ่งหวังการพึ่งพาและเกื้อกูลกันเพื่อสร้างความสมดุล ประเทศไทยจึงมีการจัดตั้ง สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2562  

นภา เศรษฐกร ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.) เปิดเผยว่า วิสาหกิจเพื่อสังคมและกลุ่มกิจการเพื่อสังคม เป็นธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์หลักคือส่งเสริมการแก้ไขและพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบันวิสาหกิจเพื่อสังคม ถือว่าเป็นการประกอบธุรกิจประเภทหนึ่ง นับเป็นเทรนด์โลกที่สอดคล้องกับหลักการของคำว่า Sustainable Development Goal (SDGs), BCG (Bio-Circular-Green Economy), ESG (Environment – Social – Governance), SE – Social Enterprise

นภา เศรษฐกร

สวส. มีภารกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมให้มีความเข้มแข็ง สามารถดำเนินธุรกิจไปพร้อมกับการให้ความช่วยเหลือสังคม กลายเป็นการสร้างสังคมแห่งความยั่งยืน

นับตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันมีธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม จำนวน 222 กิจการ แต่ละกิจการมีจุดมุ่งหมายในการคืนกำไรสู่สังคม และสร้างสังคมที่มีความเกื้อกูล อุดหนุนซึ่งกันและกัน

เดินหน้าสานพลัง สร้างสังคมแห่งการเกื้อกูล

“SE หรือ กิจการเพื่อสังคม เป็นหนึ่งในเทรนด์โลกที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ  ความยากจน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเชื่อมั่นว่าหากประเทศไทย มีจำนวน SE เพิ่มขึ้น ก็จะช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้นตามไปด้วย

สวส. จะเดินหน้าผนึกกำลังกับหน่วยงานราชการ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อส่งเสริมให้มีวิสาหกิจเพื่อสังคมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจเพื่อชุมชน ซึ่งมีทิศทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกัน และยังมีอีกเป็นจำนวนมากในประเทศไทย รวมทั้ง กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่  ที่มีความพร้อมและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ สามารถร่วมผลักดัน ภาพรวมของกิจการเพื่อสังคมในประเทศไทยให้เติบโตขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ในปีนี้ สวส. จะผนึกกำลังความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการศึกษาและพัฒนาวิสาหกิจเพื่อสังคมจากชุมชนรอบโรงไฟฟ้าซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 200 แห่งทั่วประเทศ โดยปัจจุบันยังอยู่ในการศึกษาข้อมูล นอกจากนั้น สวส. ยังมองหามาตรการเพิ่มเติมในสร้างแรงจูงใจสำหรับวิสาหกิจเพื่อสังคม เช่น สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมด้านภาษี สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนผ่าน BOI เป็นต้น”

ขณะเดียวกัน สวส. ยังคงเดินหน้าประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับวิสาหกิจเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง  โดยล่าสุด ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และสร้างความรับรู้ระบบนิเวศวิสาหกิจเพื่อสังคม ครั้งที่ 1 ภายใต้หัวข้อ “สังคมแห่งความสุข สังคมแห่ง การพัฒนาด้วยวิสาหกิจเพื่อสังคม” โดยมีเจ้าหน้าที่ สวส. ผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อสังคม สื่อมวลชน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน ณ บริษัท แดรี่โฮม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566

พิเชษฐ โตนิติวงศ์
นาวี นาควัชระ

ภายในงาน มีวิสาหกิจเพื่อสังคมต้นแบบเข้าร่วมเสวนาแชร์ประสบการณ์ ได้แก่ “พฤฒิ เกิดชูชื่น” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แดรี่โฮม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด, พิเชษฐ โตนิติวงศ์” ผู้จัดการไปทั่ว บริษัท ธรรมธุรกิจ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด และ “นาวี นาควัชระ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวัตกรรมชาวบ้าน จำกัด

แดรี่โฮม เกษตรอินทรีย์ วิถีแห่งความยั่งยืน

“แดรี่โฮม” เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2542 โดยมีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนและส่งเสริมความเปลี่ยนแปลงของฟาร์มโคนมในประเทศไทย จากการผลิตที่มุ่งเน้นปริมาณไปสู่คุณภาพ พัฒนาสู่ “น้ำนมอินทรีย์” โดยใช้หลักการของ “เกษตรอินทรีย์” ที่สร้างผลกระทบที่ดีต่อโลก จึงเป็นธุรกิจที่มุ่งประเด็นทางสังคมมาก่อนที่จะเข้าร่วมจดทะเบียนกับ สวส.

พฤฒิ เกิดชูชื่น

พฤฒิ เกิดชูชื่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท แดรี่โฮม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด กล่าวว่า การดำเนินงานตามหลักการเกษตรอินทรีย์ของแดรี่โฮม สร้างผลกระทบเชิงบวกไปยัง 3 ด้าน

1.การสร้างนมคุณภาพดีให้กับกลุ่ม “ผู้บริโภค” ที่จะได้รับประทานน้ำนมคุณภาพดี ปราศจากสารเคมีหรือสารพิษ

2.สร้างระบบฟาร์มยั่งยืนให้กับ “เกษตรกร” โดยไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอก และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพิ่มความภาคภูมิใจให้กับเกษตรกร สร้างรายได้จากสินค้าที่มีคุณภาพ จูงใจให้คนรุ่นใหม่กลับมาสานต่อธุรกิจฟาร์มโคนม ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรฟาร์มโคนมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงวัย หากภายใน 5 ปี ไม่มีลูกหลานมาสืบทอดกิจการ อาจจะทำให้ปริมาณการผลิตน้ำนมโคในประเทศไทยลดลง จนต้องหันไปพึ่งพาการนำเข้า

แดรี่โฮมมีการใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ รวมทั้งการจัดการของเสียอย่างเป็นระบบ

3.ด้าน “สิ่งแวดล้อม”  ปัจจุบันแดรี่โฮม มีเกษตรกรที่เลี้ยงวัวนมในพื้นที่ประมาณ 2,000 ไร่  แนวทางเกษตรอินทรีย์สามารถลดการใช้สารเคมีในการปลูกหญ้าเลี้ยงวัวได้หลายแสนกิโลกรัมต่อปี ลดมลพิษจากสารเคมีที่ไหลลงดิน น้ำ และอากาศ ลดการใช้ยาปฏิชีวนะและสารเคมีสำหรับโคนม นับเป็นผลกระทบเชิงบวกที่เห็นได้อย่างชัดเจน

 

ตัวแทนจากวิสาหกิจเพื่อสังคมต้นแบบทั้ง 3 ท่าน มีความเห็นที่สอดคล้องกันว่า วิสาหกิจเพื่อสังคม เป็นธุรกิจที่ส่งคืนสู่สังคมในหลายมิติ ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยนำกำไรจากการประกอบกิจการคืนกลับสู่สังคมเป็นหลัก ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร กิจการเพื่อสังคมยังต้องอาศัยหลักการทางธุรกิจและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้สามารถยืนหยัดอยู่ได้

สวส. ระบุว่า ในปี 2565 การเพิ่มขึ้นของวิสาหกิจเพื่อสังคมมีอัตราการเติบโต 30% ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและวิกฤตโรคระบาด ทั้งนี้คาดว่านับจาก ปี 2566  จำนวนของวิสาหกิจและกิจการเพื่อสังคมจะมีอัตราเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 20% ต่อปี

กลุ่มหรือกิจการที่มีความสนใจเข้าร่วมจดทะเบียนเป็น “วิสาหกิจเพื่อสังคม” ศึกษารายละเอียดได้ที่ https://www.osep.or.th/

 

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this