กลุ่มดุสิตธานี เดินหน้าโครงการ ‘ข้าวอินทรีย์’ รุกสร้างความยั่งยืนสานแนวคิด ‘Farm-to-Table’

Published on

กลุ่มดุสิตธานี เดินหน้าโครงการ ‘ข้าวอินทรีย์’ รุกสร้างความยั่งยืนสานแนวคิด ‘Farm-to-Table’ สั่งตรงข้าวจากชุมชนเกษตรกร ขึ้นแท่นโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้ข้าวอินทรีย์ 100% ปรุงอาหาร

กลุ่มดุสิตธานีเดินหน้าปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจและการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้เริ่มโครงการข้าวอินทรีย์ ตามแนวคิด ‘Farm-to-Table’ สั่งตรงจากชุมชนเกษตรกรในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ในจังหวัดสุรินทร์ และศรีสะเกษ เพื่อนำมาปรุงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับลูกค้าและพนักงาน สนับสนุนรายได้ที่ยั่งยืนให้กับเกษตรกร สอดคล้องกับหนึ่งในแกนหลักของการให้บริการแบบดุสิต หรือ Dusit Graciousness ที่เน้นการบริการแบบยั่งยืน (Sustainability) เผยโครงการข้าวอินทรีย์ ทำให้กลุ่มดุสิตธานีกลายเป็นกลุ่มโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่นำข้าวอินทรีย์ 100% มาปรุงอาหารในโรงแรมเครือภายในประเทศ

ศิรเดช โทณวณิก รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และประธานคณะกรรมการบริหารจัดการความยั่งยืน บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการข้าวอินทรีย์เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการปรับบริการด้านอาหารให้สอดคล้องกับแกนหลัก 4 ด้านของ Dusit Graciousness ซึ่งประกอบด้วย บริการที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า (Service) บริการที่ตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจ (Well-being) บริการที่เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชุมชนและคนรอบข้าง (Locality) และบริการที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม (Sustainability)

ศิรเดช โทณวณิก

สำหรับโครงการข้าวออร์แกนิคอินทรีย์ ได้รับการดูแลโดยดุสิตฟู้ดส์ และคณะกรรมการความยั่งยืนของบริษัทฯ ร่วมงานกับชุมชนเกษตรกรรม 4 แห่ง ที่ ตำบลคอโคและตำบลหนองไผ่ ของจังหวัดสุรินทร์ รวมถึง ตำบลห้วยทับทันและตำบลหนองแค ของจังหวัดศรีสะเกษ เริ่มตั้งแต่การควบคุมคุณภาพ การฝึกอบรม บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการจัดจำหน่าย เพื่อให้ชุมชนสามารถนำเสนอข้าวหอมมะลิออร์แกนิคคุณภาพสูงสำหรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และจัดเลี้ยง

ซึ่งในปัจจุบันโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตทั้งหมดในประเทศไทย รวมทั้งร้านอาหาร “บ้านดุสิตธานี” นับเป็นกลุ่มโรงแรมแห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้ข้าวออร์แกนิค 100% ในการปรุงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและอร่อยสำหรับลูกค้าและพนักงาน

ข้าวออร์แกนิคอินทรีย์ที่เราคัดสรรมา เป็นหนึ่งในพันธุ์ที่ดีที่สุด เพราะทุ่งกุลาร้องไห้เป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลก โดยได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ โดยลักษณะพิเศษของข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ คือ ข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ มีคุณภาพดี ข้าวสารมีเมล็ดใส เมล็ดเรียวยาว และแกร่ง เมื่อนำมาหุงจะมีความหอมและนุ่ม โดยพื้นที่การผลิต การสีข้าว และการบรรจุหีบห่อต้องอยู่ในจังหวัดที่ทุ่งกุลาร้องไห้ตั้งอยู่เท่านั้น

ซึ่งการจัดทำโครงการนี้ไม่เพียงแต่ให้ลูกค้าและพนักงานได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ชุมชนเกษตรกรที่เราทำงานด้วยมีรายได้ที่สม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีกว่าเดิม สอดคล้องกับภารกิจของกลุ่มดุสิตธานี ในการนำคุณค่าที่ยั่งยืนมาสู่ชุมชนในชนบทของประเทศไทย พร้อมๆ กับการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าและพนักงานของเรา ขณะเดียวกัน โครงการข้าวอินทรีย์ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพ และต้นทุนโดยรวมให้กับบริษัทฯ ดังนั้น จึงเป็น win-win อย่างแท้จริง

” ที่ผ่านมา กลุ่มดุสิตธานีทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกร ทั้งการช่วยวางระบบและกระบวนการเพื่อปรับปรุงผลผลิตเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะสร้างผลประโยชน์ระยะยาวสำหรับเกษตรกรทุกคนในโครงการ นอกจากนี้ กลุ่มดุสิตธานียังวางแผนที่จะลงทุนในชุมชนด้วยการซื้อโรงสีข้าว ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อเพิ่มยอดขายในอนาคต รวมถึงยังมีความตั้งใจที่จะช่วยสร้างช่องทางการขายออนไลน์ และนำไปใช้ในการปรุงอาหารของธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัทฯ อีกด้วย”ศิรเดช กล่าว

เทวินทร์ ผันอากาศ ตัวแทนกลุ่มเกษตรอินทรีย์ ต. ห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ชุมชนมุ่งมั่นและตั้งใจกับการปลูกข้าวอินทรีย์คุณภาพสูง แต่ที่ผ่านมาต้องเผชิญกับปัญหาการหาตลาดมาตลอด ดังนั้น การที่กลุ่มโรงแรมดุสิตธานีเห็นถึงคุณค่าและความตั้งใจของพวกเราในการปลูกข้าวอินทรีย์ โดยสั่งจองและวางมัดจำซื้อข้าวล่วงหน้าเป็นจำนวนมากในอัตราที่ยุติธรรม จึงเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านรายได้ให้กับเกษตรกรโดยตรง นอกจากนี้ ความช่วยเหลืออื่นๆ ของกลุ่มดุสิตยังช่วยทำให้ชุมชนได้ทำสิ่งที่รักต่อไป และทำให้ธุรกิจข้าวออร์แกนิคเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย พวกเรารู้สึกภูมิใจมากที่ผู้คนจากทั่วโลกจะได้ลิ้มรสข้าวอินทรีย์ของชุมชนผ่านโรงแรมระดับ 5 ดาวของดุสิต

ทั้งนี้ กลุ่มดุสิตธานีนำข้าวหอมมะลิอินทรีย์มาปรุงอาหารที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือในประเทศไทย และบริษัทย่อยอื่นๆ ได้แก่ โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต และ เอ็บเพอคิวร์ เคเทอริ่ง ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย ซึ่งดุสิตเข้าซื้อกิจการในปี 2562 และมีแผนที่จะกระจายไปยังธุรกิจอื่นๆ ภายในปีหน้า

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this