“สภาองค์กรของผู้บริโภค” ก้าวสำคัญของอาเซียน พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตทุกคน

Published on

นับเป็นก้าวสำคัญของภูมิภาคอาเซียนในการที่ประเทศไทยมี สภาองค์กรของผู้บริโภค (Thailand Consumers Council -TCC) ที่ดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคในทุกด้าน ขยายฐานองค์กรสมาชิกในแต่ละภูมิภาคได้มากถึง 273 องค์กร และผลักดันการแก้ไขอุปสรรคของผู้บริโภคจากรากหญ้าสู่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป้าหมายสูงสุดร่วมกัน คือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้บริโภค

ก้าวแรกในการทำงานปีแรก สภาองค์กรของผู้บริโภคจะนำตัวแทนของผู้บริโภคกว่า 300 คน จากองค์กรของผู้บริโภคที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกกว่า 273 องค์กรทั่วประเทศ มาพบกันในงาน “รู้จัก รู้จริง รู้ใจ งานประชุมใหญ่สมาชิก” ที่จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้มุ่งสู่อนาคตและสร้างพื้นฐานคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค ในวันที่ 28 – 29 มิถุนายน 2565 ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมมือกันวางแผนช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างทั่วถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพภายใต้แนวคิดที่ว่า “ทุกคนคือผู้บริโภคที่ต้องได้รับการคุ้มครองและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ย้ำถึงความล้ำหน้าของกฎหมายไทยที่เห็นความสำคัญของการคุ้มครองผู้บริโภค ให้มีการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค ที่เกิดขึ้นจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ต่อมาเป็นองค์กรตามพระราชบัญญัติการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 ทำให้ประเทศไทยยืนอยู่แถวหน้าของการคุ้มครองผู้บริโภคของอาเซียนที่ยังไม่มีประเทศใดมีการจัดตั้งสภาฯ ในลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน พร้อมทั้งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอต่อคณะรัฐมนตรีจัดสรรเงินอุดหนุนเป็นรายปี เพื่อทำให้การดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นไปอย่างครบถ้วน มีประสิทธิภาพ

การยืนอยู่ในแนวหน้าของการคุ้มครองผู้บริโภคในภาวะที่เกิดกระบวนการหลอกลวงข้ามชาติ ด้วยกลวิธีต่าง ๆ ทั้งการค้าขายออนไลน์ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของมิจฉาชีพข้ามพรมแดนต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ปัญหาการละเมิดสิทธิผู้บริโภค การค้าที่ไม่เป็นธรรม การบริการที่ไม่ได้มาตรฐานในประเทศ ล้วนเป็นความท้าทายของสภาองค์กรของผู้บริโภค ดังนั้น โครงสร้างของสภาฯ จึงมีการกำหนดไว้ให้มีการแก้ไขปัญหาผู้บริโภคใน 8 ด้าน ซึ่งภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา คณะทำงานทั้งแปดด้านนี้ได้แก้ไขปัญหาผู้บริโภค พร้อมทั้งข้อเสนอ และวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ ต่อการแก้ปัญหาทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค

ด้าน สุภาพร ถิ่นวัฒนากูล รองเลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า สภาฯ มีหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภค โดยปัจจุบันสภาฯ มีสมาชิก 273 องค์กรกระจายอยู่ทั่วประเทศ และยังมีหน่วยงานประจำจังหวัด 13 จังหวัดที่คอยทำหน้าที่คุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคช่วยรักษาประโยชน์ผู้บริโภคทั่วประเทศ ทั้งในระดับพื้นที่ ชุมชน รวมทั้งกลุ่มคนเปราะบาง

สภาองค์กรของผู้บริโภคยังมีหน้าที่ช่วย “ลดปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคซ้ำซาก” โดยการทำข้อเสนอนโยบายหรือมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคต่อคณะรัฐมนตรี หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาซ้ำซาก และสร้างความเท่าทันให้กับผู้บริโภคเพื่อป้องกันปัญหา อีกทั้งสภาฯ ยังทำหน้าที่ได้อย่างเป็นอิสระ ซึ่งหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค อาจมีข้อจำกัดหากเป็นหน่วยงานรัฐด้วยกันเอง นอกจากนี้สภาฯ ยังมีหน้าที่ “รายงานประชาชน” ซึ่ง พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 กำหนดให้สภาองค์กรของผู้บริโภครายงานปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภค ไปยังหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบและเผยแพร่ให้ประชาชนทราบได้ ซึ่งหน่วยงานของรัฐด้วยกันเองอาจตรวจสอบกันเองได้อย่างจำกัด

“สภาองค์กรของผู้บริโภคไม่มีอำนาจโดยตรงในการจัดการกับผู้ประกอบการที่กระทำความผิดเหมือนหน่วยงานรัฐ เพียงแต่เราสามารถฟ้องคดีเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ดังนั้น สิ่งที่สภาฯ และองค์กรสมาชิกทำคือการกระตุ้นและส่งเสริมให้ผู้บริโภคลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตัวเอง เปรียบเหมือนซอฟต์พาวเวอร์ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่การยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศไทย” สุภาพร กล่าว

สอดคล้องกับความเห็นจากหัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดลำปาง สมศักดิ์ ชมภูบุตร โดยชี้ให้เห็นบทบาทของหน่วยงานเขตพื้นที่ว่า หน่วยงานประจำจังหวัดเป็นกลไกที่เกิดขึ้นตามกฎหมาย และก่อเกิดขึ้นพร้อมกับ “สภาองค์กรของผู้บริโภค” เป็นโครงสร้างสำคัญและเป็นนวัตกรรมของระบบการคุ้มครองผู้บริโภคที่มีหน่วยงานประจำจังหวัดกระจายอยู่ทั่วภูมิภาค เพื่อเป็นตัวแทนของผู้บริโภคทุกด้าน สามารถดำเนินงานคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว เท่าทันสถานการณ์และความต้องการของผู้บริโภค

เช่นเดียวกับ ชยาพร สะบู่ม่วง หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ได้ตอกย้ำกลไกการประสานความร่วมมือที่ประสบความสำเร็จของสภาองค์กรของผู้บริโภค โดยในฐานะของคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้ามาทำงานเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค มีความมุ่งหวังที่จะพัฒนางานคุ้มครองผู้บริโภคให้ขยายการรับรู้ไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยย้ำว่า “เจนแซด” (Gen Z) หรือ “คนรุ่นใหม่” เป็นผู้นำในการกำหนดบรรทัดฐานตัวบุคคล แนวทางในการประสานความร่วมมือให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่เหล่านี้จึงควรเปิดกว้าง เพื่อปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่มีความแตกต่างหลากหลาย

ปิดท้ายด้วยแนวทางการขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรม โดยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากนางสาวกชนุช แสงแถลง ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และหัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดกรุงเทพมหานคร ย้ำความมั่นใจภายใต้การทำงานของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ซึ่งเป็นองค์กรผู้บริโภคที่สามารถฟ้องคดีแทนผู้บริโภคได้ ตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และยังเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนสาธารณประโยชน์ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ทำงานมาอย่างยาวนาน เรามั่นใจว่า เมื่อมีสภาองค์กรของผู้บริโภคแล้ว มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และองค์กรอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค สามารถทำหน้าที่ได้มากขึ้น มีประสิทธิภาพขึ้นภายใต้การสนับสนุนของสภาองค์กรของผู้บริโภค

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this