วุฒิสภา-สสส. จัดกิจกรรมหวังสร้างจิตสำนึกผู้ใช้รถใช้ถนน

Published on

ครบ 3 เดือน สูญเสียหมอกระต่าย คณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา-สสส. จัดกิจกรรมหวังสร้างจิตสำนึกผู้ใช้รถใช้ถนน “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” หมอฉุกเฉิน-กู้ชีพ เผยอุบัติเหตุทางม้าลายส่วนใหญ่เสียชีวิตคาที่ คนรอดมักบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ กลายเป็นผู้พิการ ด้าน “เหยื่อ” ย้ำอุบัติเหตุผ่านมา 30 ปี ยังฝังใจ ชี้ “คนขับเคยชิน ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย”

คณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเขตราชเทวี สภากาชาดไทย และภาคีเครือข่ายร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์ “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” ครั้งที่ 3 ร่วมแจกสื่อประชาสัมพันธ์ สร้างจิตสำนึกผู้ขับขี่ ให้หยุดรถตรงทางม้าลาย ลดความเร็วเขตชุมชน-ชะลอก่อนถึงทางแยกทางข้าม พร้อมชมละครสั้นชุด “สูญเสีย” และเสวนาหัวข้อ “เสียงจากเหยื่อและห้องฉุกเฉิน…หยุดอุบัติเหตุ หยุดสูญเสีย” โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญและเหยื่อผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุ

สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นเรื่องที่ป้องกันได้ ไม่ใช่เรื่องเคราะห์กรรมอย่างที่เชื่อกันมา เราต้องร่วมสร้างจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนให้มีความปลอดภัยทั้งต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทาง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ได้ตามเป้าหมายของประเทศ จึงอยากเชิญชวนผู้ขับขี่ชะลอความเร็วเมื่อเห็นทางข้ามทางม้าลาย ใช้ความเร็วที่ปลอดภัย 30 กม./ชม. เมื่อขับผ่านชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด และขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยเน้นดำเนินการเรื่อง 1.ลดพฤติกรรมเสี่ยงและเพิ่มพฤติกรรมความปลอดภัย

2.สร้างสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อความปลอดภัยเน้นที่กลุ่มเสี่ยงและพื้นที่เสี่ยง 3.ข้ามถนนตรงทางข้ามทางม้าลายหรือทางแยกที่มีสัญญาณไฟ และครั้งนี้มีเวทีเสวนา รับฟัง “เสียงจากเหยื่อและห้องฉุกเฉิน…หยุดอุบัติเหตุ หยุดสูญเสีย” มีเหยื่ออุบัติเหตุสะท้อนความรู้สึกร่วมกับทีมกู้ชีพและแพทย์ผู้ปฏิบัติงานในห้องฉุกเฉิน โดยทุกภาคส่วนมีเป้าหมายร่วมเพื่อสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงคนเดินเท้าและคนข้ามทางม้าลายปลอดภัยและหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ทั่วประเทศไทย

นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร ผู้ทรงคุณวุฒิ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) และรองประธานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์หมอกระต่ายถูกรถบิ๊กไบค์ชนเสียชีวิต ระหว่างข้ามทางม้าลาย นำมาสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เรื่อง เช่น สีถนนต้องชัดเจน และมีสัญญาณจราจร ปรับพื้นที่บริเวณสี่แยกที่จะมีรถออกตัวแรง ไม่ควรกำหนดให้มีทางม้าลาย เปลี่ยนเป็นทางข้ามหรือทางลอดแทน ทำให้ผู้เสียชีวิตลดลงเหลือ 2-4 รายต่อสัปดาห์

ขณะนี้ ศปถ. ได้กำหนดสิ่งที่ต้องทำ เพื่อความปลอดภัยไว้หลายข้อ หนึ่งในนั้นคือประกาศให้แต่ละพื้นที่ที่มีเขตเมือง กำหนดความเร็วที่ปลอดภัย 50 กม./ชม. หรือ 30 กม./ชม. เช่น พื้นที่โรงเรียน โรงพยาบาล โดยความเร็ว 30 กม./ชม. นั้น ขณะนี้หลายพื้นเริ่มดำเนินการแล้ว นอกจากนี้เรื่องการต่อใบอนุญาตขับขี่ ควรมีการทดสอบทักษะการรับรู้ถึงการขับขี่ที่เป็นอันตรายด้วย จะช่วยให้เกิดระบบที่ปลอดภัย สร้างจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่รถทุกประเภท

พญ.ณธิดา​ สุเมธโชติเมธา แพทย์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า จากข้อมูลผู้ป่วยห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลราชวิถี เป็นอุบัติเหตุมากถึง 40% ของผู้ป่วยที่มาห้องฉุกเฉิน และในจำนวนนี้ 30% เป็นคนไข้หนัก ที่เกิดจากอุบัติเหตุจราจร ส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะคนข้ามถนนมักพบว่าบาดเจ็บรุนแรง มีเลือดออกในช่องท้อง เพราะถูกชนกระเด็นกระแทกพื้น หากเอาศีรษะลงก็จะเกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะรุนแรง เช่น กะโหลกร้าว-แตก เลือดออกที่สมองและเสียชีวิต บางรายรอด แต่ไม่ฟื้น หรือมีสภาพนอนเป็นผัก

ผู้พิการ บางคนเป็นเสาหลักของครอบครัวก็กลายเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น ในต่างประเทศ หากมีคนเดินข้ามถนน รถจะหยุดตั้งแต่ระยะ 20 เมตร แต่ในประเทศไทยผู้ใช้รถใช้ถนนยังไม่ค่อยให้ความสำคัญ จึงพบอุบัติเหตุทางม้าลายอยู่เสมอ หากมีการรณรงค์ให้คนขับรถหยุดทุกครั้งที่เห็นทางม้าลาย ไม่ว่าจะมีคนข้ามหรือไม่ก็ตาม ควบคู่การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จะช่วยลดอุบัติเหตุทำให้ทางม้าลายปลอดภัยได้จริง

ดิเรก​ บูญเส็ง ผู้แทนทีมกู้ชีพ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ช่วยเหลือกู้ภัย กรณีอุบัติเหตุบนท้องถนน พบว่า มีอุบัติเหตุจากการข้ามทางม้าลายอยู่เสมอ ส่วนใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ ซึ่งคนขับรถจะบาดเจ็บไม่มากเนื่องจากสวมหมวกกันน็อก แต่คนข้ามทางม้าลาย พบว่าส่วนใหญ่มีโอกาสเสียชีวิตสูง โดยกว่า 80% ของผู้ที่ถูกชน เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อุบัติเหตุทางม้าลายเกิดได้ทุกที่ ไม่ว่าบริเวณนั้นจะมีหรือไม่มีสัญญาณไฟจราจร กรณีที่พบได้บ่อยคือ แม้จะเห็นรถคันหน้าชะลอหรือหยุดให้คนข้าม แต่คันหลังโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ ก็จะแซงมาอีกเลน จึงชนคนข้ามทางม้าลาย จึงต้องเรียกร้องให้คนมีจิตสำนึก และมีน้ำใจกับคนใช้รถใช้ถนนร่วมกัน

อันนูวา สาอิ ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ช่วงอายุ 12 ปี กำลังจะจบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนใน จ.นราธิวาส โรงเรียนพานักเรียนประมาณ 30 คน มาทัศนศึกษาที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ระหว่างที่กำลังข้ามทางม้าลายทั้งคณะ มีรถ 2 คันจอดให้ข้าม แต่ตนเองถูกรถจักรยานยนต์อีกคัน แทรกมาทางซ้ายสุดพุ่งเข้าชนจนบาดเจ็บ เป็นอุบัติเหตุครั้งใหญ่ในชีวิต รู้สึกเสียใจและผิดหวังมากสุด ตอนเรียนเรามักถูกปลูกฝังว่า “ข้ามถนนตรงทางม้าลายปลอดภัยที่สุด” แต่สิ่งที่เราเจอทำให้รู้ว่าคำสอนนี้มันไม่จริง ทางม้าลายไม่ได้เป็นพื้นที่ปลอดภัย ทุกวันนี้ ยังมีคนบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากการข้ามถนนตรงทางม้าลายอยู่ จึงเรียกร้องให้มีการรณรงค์ปลูกฝังให้คนเคารพกฎจราจร มีจิตสำนึก มีน้ำใจในการใช้ถนน เพื่อไม่ให้อุบัติเหตุบนทางม้าลายเกิดขึ้นอีก

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this