ท่อน้ำนมอุดตัน แก้ได้ง่ายด้วยอัลตราซาวนด์

Published on

ปัญหาที่คุณแม่บางท่านอาจต้องเผชิญหลังคลอดคือ ท่อน้ำนมอุดตัน จนทำให้รู้สึกมีอาการเจ็บเต้านมเมื่อให้นมลูกน้อย เวลาสัมผัสจะพบก้อนไต บวม แดง หรืออาจจะพบจุดสีขาวร่วมด้วย เมื่อคุณแม่เริ่มรู้สึกหรือสงสัยว่ามีความเสี่ยง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที

ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลกรุงเทพ ให้ข้อมูลว่า อาการแรกเริ่มที่ทำให้รู้ว่าอาจจะเป็นท่อน้ำนมอุดตันคือ คุณแม่อาจรู้สึกมีก้อนแข็งที่บริเวณเต้านม ลักษณะหัวนมและลานนมผิดรูป บางครั้งอาจมีอาการเส้นเลือดปูดอย่างเห็นได้ชัด ผิวหนังบริเวณเหนือก้อนเมื่อกดแล้วจะมีอาการเจ็บ รู้สึกปวดระบมเต้านม อาจมีอาการบวมแดงแต่ไม่มีไข้ หรืออาจจะพบเจอจุดสีขาวที่บริเวณหัวนม (White dot) ได้

สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะท่อน้ำนมอุดตัน คือ ลูกดูดนมไม่เกลี้ยงเต้า หรือไม่ได้ให้ลูกดูดนมบ่อย ไม่ได้ปั๊มตามรอบ ปล่อยให้น้ำนมค้างอยู่ในเต้านาน มีน้ำนมมากเกินไป ทำให้ระบายน้ำนมออกไม่สมดุลกับที่ผลิต ใส่เสื้อชั้นในคับหรือแน่นเกินไป ทำให้การไหลเวียนเลือดไม่สะดวกหรือใส่เสื้อชั้นในหลวมเกินไป ไม่กระชับ เต้านมหย่อนคล้อย ทำให้เกิดการกดทับท่อส่งน้ำนม การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวาน หรือไขมันสูง และการมีภาวะเครียด จนทำให้หลั่งฮอร์โมนที่ทำให้น้ำนมไหลลดลง

เมื่อตรวจพบว่าเกิดภาวะท่อน้ำนมอุดตัน สามารถรักษาได้หลายวิธี เช่น การประคบร้อน การใช้ยาในการรักษา หากรักษาด้วยการประคบร้อนหรือใช้ยาแล้วไม่เห็นผล สามารถรักษาร่วมกับ “การใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound)” ซึ่งเป็นการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงลงไปยังเนื้อเยื่อที่ต้องการรักษาได้ลึกประมาณ 2-5 เซนติเมตร ทำให้โมเลกุลภายในเนื้อเยื่อเกิดการสั่นสะเทือน และเกิดเป็นพลังงานความร้อนลึก ในระหว่างการนวดจึงอาจทำให้รู้สึกอุ่นๆ ได้ที่เต้านมได้

โดยการรักษาภาวะท่อน้ำนมอุดตันด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ จะช่วยเร่งกระบวนการซ่อมสร้างเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บ เพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อและการไหลเวียนเลือด ส่งผลให้มีการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดเพิ่มขึ้นในบริเวณเต้านมที่ทำการอัลตราซาวนด์ นอกจากนี้การทำอัลตราซาวนด์ ยังช่วยลดอาการปวดจากภาวะท่อน้ำนมอุดตัน และช่วยให้ท่อน้ำนมขยายออก กระตุ้นให้ท่อน้ำนมที่อุดตันสลายได้ง่ายขึ้น ในการกระตุ้นให้น้ำนมไหลนั้น จะใช้ความแรงของคลื่นเบากว่าและเคลื่อนที่รอบๆ เต้านม ส่วนกรณีที่มีการรักษาการอุดตันของท่อน้ำนมจะใช้ความแรงของคลื่นที่สูงกว่าและอาจเน้นในบริเวณที่มีอาการ โดยข้อดีของการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ คือ ไม่ทำให้เจ็บปวด และใช้เวลาในการรักษาน้อย ข้างละประมาณ 15 นาที

เพื่อเป็นการป้องกันการอุดตันของท่อน้ำนมคุณแม่ไม่ควรทิ้งเต้านมไว้เป็นเวลานาน ควรบริหารเวลาในการระบายน้ำนมออกจากเต้า ควรให้ลูกดูดหรือปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า ให้ลูกดูดนมตั้งแต่หัวนมจนถึงลานนม เพื่อช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนมให้กระจายทั่วเต้านม อีกทั้งควรให้นมทุก 2-3 ชั่วโมง ควรงดรับประทานอาหารที่มีรสหวาน ไขมันสูง แป้ง และน้ำตาล เลือกเสื้อชั้นในที่ช่วยพยุงเต้านม มีขนาดที่ไม่หลวมหรือคับจนเกินไป สามารถทานยาเพื่อช่วยละลายไขมันในร่างกายได้ รวมไปถึงไขมันในน้ำนมด้วย แต่ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และเมื่อคุณแม่มีอาการหรือสงสัยที่อาจจะเกิดท่อน้ำนมอุดตัน ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาการนี้สามารถพัฒนาไปเป็นเต้านมอักเสบได้หากปล่อยทิ้งไว้และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

Latest articles

บีไอจี จับมือ บำรุงราษฎร์ ใช้ออกซิเจนคาร์บอนต่ำทางการแพทย์ หนุนสาธารณสุขยั่งยืน

บีไอจี ผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำของประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในการนำ “ออกซิเจนคาร์บอนต่ำทางการแพทย์” มาใช้เป็นครั้งแรกในโรงพยาบาลเอกชนของประเทศไทย นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการสาธารณสุขไทย ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจ “Generating a Cleaner Future” ของบีไอจี ที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกภาคส่วน...

เปิดตัว โรงพยาบาลเดอมาสเตอร์ ราชพฤกษ์ “Surgery & Aesthetic Boutique Hospital”  

บริษัท เดอมาสเตอร์ จำกัด ประกาศก้าวสำคัญสู่วงการสุขภาพและความงามแบบองค์รวมในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวโรงพยาบาลเดอมาสเตอร์ ราชพฤกษ์ (Dermaster Hospital Ratchaphruek) อย่างเป็นทางการ

CENTRAL BLACK MIDNIGHT SALE กระตุ้นการจับจ่ายท้ายปี โกยยอดเพิ่ม 15%

ห้างเซ็นทรัล ส่ง “CENTRAL BLACK MIDNIGHT SALE” หนุนแรงจับจ่ายโค้งสุดท้ายปลายปี 2568 มั่นใจโกยยอดเพิ่ม 15%  พร้อมเผยกำลังซื้อนักช้อป Gen Y - Z เติบโต 27% 

ข้าวลดโลกร้อน ธ.ก.ส. สางปัญหาฝุ่น PM 2.5 นำร่องอุดรฯ ตั้งเป้าลดก๊าซมีเทนกว่า 200 ตันคาร์บอน

ธ.ก.ส. เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าว สร้างความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด ESG เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ในปี ค.ศ. 2050

More like this