หน้าแรกHeadlineแพทย์แนะวิธีคัดกรองมะเร็งปอด ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิต

แพทย์แนะวิธีคัดกรองมะเร็งปอด ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิต

Published on

มะเร็งปอดมักไม่แสดงอาการในระยะต้น จึงทำให้ผู้ป่วยมะเร็งปอดส่วนใหญ่ตรวจพบในระยะแพร่กระจายหรือลุกลามไปตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายแล้ว สถิติเผยว่า ผู้ป่วยในระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้ายมีไม่ถึง 5% เท่านั้นที่มีอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปี ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการเข้ารับการรักษามะเร็งปอดอย่างทันท่วงที คณะทำงานมะเร็งปอดเพื่อคนไทย (TLCG) ภายใต้มะเร็งวิทยาสมาคม ร่วมกับ บริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด ได้จัดงาน “ตรวจก่อน พบไว รู้ทันภัยมะเร็งปอด”

ข้อมูลจาก Global cancer Observatory ขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่าในปี พ.ศ. 2563 โรคมะเร็งปอดมีอุบัติการณ์และอัตราการตายสูงสุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น ๆ ในประเทศไทย โดบพบจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่สูงถึง 23,717 ราย หรือคิดเป็น 65 รายต่อวันโดยเฉลี่ย อีกทั้ง ประชาชนไทยอีกกว่า 20,395 ราย หรือคิดเป็น 56 รายต่อวันโดยเฉลี่ยเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งปอด ซึ่งสถานการณ์ความรุนแรงของโรคนี้ยังมีเเนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากซ้ายไปขวา พ.อ.วิริสสร วงศ์ศรีชนาลัย, อ.พญ.ธนิศา ทองใบ, ผศ.พญ.ดนิตา กานต์นฤนิมิต, นพ.สกานต์ บุนนาค, พญ.กุลธิดา มณีนิล, อ.นพ.ศิระ เลาหทัย, พ.ท.ผศ.นพ.ไนยรัฐ ประสงค์สุข

แม้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขได้ริเริ่มนโยบาย ‘มะเร็งรักษาได้ทุกที่’ หรือ Cancer Anywhere ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เพื่อคลายความกังวลด้านระยะเวลาการรอคอยและอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยมะเร็ง แต่ความท้าทายหลักของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด คือ สัดส่วนการตรวจพบผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะต้นยังคงน้อยอยู่ ดังนั้น ความร่วมมือจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การคัดกรองผู้มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอด ได้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาตั้งแต่ระยะต้นมากยิ่งขึ้น

ระยะของมะเร็งปอดที่เข้ารับการรักษามีผลโดยตรงต่อโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วย โดย พ.ท. ผศ. นพ.ไนยรัฐ ประสงค์สุข อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า กล่าวถึงการคัดกรองมะเร็งปอดและการสังเกตอาการเบื้องต้นว่า “หากเจอมะเร็งปอดในระยะที่ 4 หรือระยะแพร่กระจาย ผู้ป่วยจะมีอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปี ประมาณ 5% เท่านั้น ระยะที่ 3 หรือระยะลุกลามเฉพาะที่ ผู้ป่วยจะมีอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปี ประมาณ 30% แต่ถ้าเราเจอมะเร็งปอดระยะ 1 หรือ 2 ก็คือระยะต้น ผู้ป่วยจะมีอัตราการรอดชีวิตประมาณ 5 ปี สูงเกือบ 60%

อย่างไรก็ตามประเทศไทยตรวจพบมะเร็งปอดระยะต้นเพียงแค่ 30% เท่านั้น ถ้าเทียบกับต่างประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป พบผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะต้นสูงถึง 52-54% เนื่องจากในสหรัฐอเมริกามีแนวปฏิบัติของ National Comprehensive Cancer Network (NCCN) และในยุโรปเองมีแนวปฏิบัติของ European Society of Medical Oncology (ESMO) ซึ่งแต่ละมาตรการล้วนแนะนำไปในทางเดียวกัน ว่าการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดด้วยการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องอกแบบใช้รังสีต่ำ (Low dose CT scan) ในกลุ่มที่มีความเสี่ยง มีโอกาสที่จะตรวจพบมะเร็งปอดระยะต้นได้มากขึ้น”

ผู้ที่มีสุขภาพดีแต่มีแนวโน้มว่าอาจเกิดโรคมะเร็งปอด ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 50 – 80 ปี ผู้ที่สูบบุหรี่จัดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เช่น สูบบุหรี่มากกว่า 30 ซองต่อปี หรือเคยสูบบุหรี่นานกว่า 15 ปี ผู้ที่ประกอบอาชีพในสภาพแวดล้อมที่มีสารพิษ เช่น อุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมรถยนต์ โรงงานผลิตฉนวนกันความร้อน มีโอกาสที่จะสูดดมแร่ใยหินหรือสารแอสเบสตอส (asbestos) นิเกิล โครเมียม เข้าไปเป็นเวลานาน วินมอเตอร์ไซด์ พนักงานกวาดถนน พนักงานในศาลเจ้าซึ่งสูดดมควันธูปเป็นประจำ เป็นต้น

ผู้ที่มีประวัติโรคปอดเรื้อรัง เช่น โรคถุงลมโป่งพองเรื้อรัง ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคมะเร็งหรือมะเร็งปอด ซึ่งอาจมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม นอกจากนี้ การกลายพันธุ์ที่ผิดปกติภายในร่างกายของแต่ละคนก็ส่งผลให้เกิดมะเร็งปอดได้เช่นกัน ดังนั้น การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง เช่น ลดปริมาณการสูบบุหรี่หรือเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่สูบหรี่ การสวมใส่หน้ากากชนิดที่กันฝุ่น PM 2.5 เป็นต้น ก็มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปอดลงได้

พญ.ธนิศา ทองใบ สาขารังสิวินิจฉัยระบบทางเดินหายใจ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอายุรแพทย์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ได้เปรียบเทียบวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดแบบต่างๆ ว่ามีข้อดีและข้อจำกัดต่างกันไป “การเอกซเรย์ทรวงอก หรือ Chest x-ray ซึ่งมักรวมอยู่ในรายการตรวจสุขภาพประจำปี ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะคัดกรองเซลล์มะเร็งปอดในระยะต้นที่มีขนาดเล็ก ส่วน CT scan ซึ่งมีความแม่นยำสูงกว่ามาก เป็นวิธีที่ต้องรอคิวนาน บุคลากรด้านรังสีแพทย์ยังมีอยู่จำกัด และผู้เข้าตรวจได้รับรังสีในปริมาณสูง ดังนั้น วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในปัจจุบันที่มีมาตรฐานและมีความแม่นยำกว่าการเอกซเรย์ทรวงอกถึง 6 เท่า คือการตรวจเอกเรย์คอมพิวเตอร์ช่องอกแบบใช้รังสีต่ำ (low dose CT scan) ซึ่งช่วยให้พบมะเร็งปอดได้รวดเร็วตั้งแต่ระยะต้น จึงทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปอดลงได้ 20%”

ผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะต้นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ตามการแสดงอาการ ได้แก่ กลุ่มที่ไม่มีอาการเลย ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้มักเจอว่าป่วยเป็นมะเร็งปอดโดยบังเอิญจากการตรวจร่างกาย ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งมีอาการเล็กน้อย เช่น ไอต่อเนื่องเป็นเวลานาน รับประทานยาแก้ไอแล้วแต่ไม่หาย ดังนั้น พยาธิแพทย์จึงจำเป็นต้องตัดชิ้นเนื้อปอดเพื่อนำไปวิเคราะห์แปลผลว่าเป็นมะเร็งปอดหรือไม่ เมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าเป็นมะเร็งปอด เเพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาวิชาจะร่วมกันวางแผนแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับระยะของโรค ขนาดและตำแหน่งของเซลล์มะเร็ง และความพร้อมทางร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นวิธีการผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัดก่อนหรือหลังการผ่าตัด และรังสีรักษา
ด้านการรักษามะเร็งปอดด้วยวิธีการผ่าตัด

นพ.ศิระ เลาหทัย ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอก คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กล่าวว่า “หากแพทย์ประเมินแล้วว่าผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะต้นผ่าตัดได้ เทคนิคการผ่าตัดในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 วิธี ได้แก่ การผ่าตัดใหญ่แบบเปิดช่องอก โดยแพทย์จะผ่าก้อนเนื้อออกไป ผ่าตัดปอดบางกลีบ หรือผ่าปอดออกทั้งข้าง วิธีนี้มีข้อจำกัดก็คือ แผลค่อนข้างใหญ่และผู้ป่วยใช้เวลาพักฟื้นนาน ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการผ่าตัดส่องกล้อง ซึ่งแผลมีขนาดเล็กและใช้เวลาพักฟื้นสั้น ทั้งนี้ การรักษามะเร็งปอดระยะต้นด้วยวิธีการผ่าตัดทั้งสองเทคนิคช่วยเพิ่มโอกาสหายขาดให้กับผู้ป่วยได้มาก”

ในผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะต้นบางราย แพทย์อาจพิจารณาให้ยาเคมีบำบัดควบคู่ไปด้วย โดย พ.ท. ผศ. นพ.ไนยรัฐ กล่าวเสริมว่า “การให้ยาเคมีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะต้นมีทั้งให้ก่อนและหลังการผ่าตัด ดังนี้ การให้ยาเคมีบำบัดก่อนการผ่าตัดจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีก้อนขนาดค่อนข้างใหญ่ ยาเคมีบำบัดจะทำหน้าที่ช่วยลดขนาดก้อนก่อน เพื่อให้การผ่าตัดทำได้ง่ายขึ้น ส่วนการให้ยาเคมีบำบัดหลังการผ่าตัด กลไกการทำงานของยาจะเข้าไปกำจัดเซลล์มะเร็งขนาดเล็กที่อาจหลุดเข้าสู่กระแสเลือด และลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ ช่วยให้ผู้ป่วยคงระยะปลอดโรคไว้ได้นานที่สุด ระยะเวลาในการให้ยาเคมีบำบัดอยู่ที่ 4-6 ครั้ง ทุก 3 สัปดาห์”

นอกจากนี้ รังสีรักษายังเป็นอีกวิธีหนึ่งในการรักษามะเร็งปอดระยะต้น ในกรณีที่ผู้ป่วยผ่าตัดไม่ได้ ผศ.พญ.ดนิตา กานต์นฤนิมิต รังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลว่า “แพทย์จะใช้เครื่องฉายแสงส่งผ่านรังสีออกมา รังสีเป็นคลื่นพลังงานสูง แต่ไม่มีคลื่นความร้อน ดังนั้น ผู้ป่วยจึงไม่ต้องกังวล รังสีสามารถทะลุทะลวงเข้าไปในก้อนหรือเซลล์มะเร็งและตรงเข้าทำลายสารพันธุกรรม (DNA) ส่งผลให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถแบ่งตัวต่อได้และตายในที่สุด ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้คือรังสีจะพุ่งเป้าไปที่รอยโรคได้อย่างแม่นยำ เกิดผลข้างเคียงน้อย และใช้เวลารักษาไม่นาน โดยทั่วไปใช้แพทย์จะฉายรังสีประมาณ 3-10 ครั้ง ใน 1-2 สัปดาห์ ให้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีมาก พบว่าในช่วง 5 ปี ผู้ป่วยกว่า 90% ไม่พบการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำ”

มะเร็งปอดถือเป็นภัยเงียบที่อันตรายเป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกว่าเป็นมะเร็งปอดนั้น กว่าร้อยละ 70 มักจะตรวจพบในระยะที่ 4 หรือระยะแพร่กระจายแล้ว ดังนั้น การสร้างตระหนักและป้องกันตนเองจากปัจจัยเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนผู้ที่มีแนวโน้มการเกิดมะเร็งปอดควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเบื้องต้น เพราะการเข้าถึงการรักษาตั้งแต่ระยะต้นมีโอกาสสูงที่ผลลัพธ์การรักษาจะเป็นไปในทางที่น่าพึงพอใจ และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำได้

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคมะเร็งปอดได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้ LungAndMe: เฟสบุค LungAndMe, ยูทูป LungAndMe, LINE Official @LungAndMe, เว็บไซต์ www.LungAndMe.com และคลับเฮาส์ @LungAndMe กลุ่มสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งปอดและผู้ดูแล: พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องมะเร็งปอดได้ในเฟสบุคกลุ่ม ห้องนั่งเล่นพูดคุยเรื่องมะเร็งปอด (สำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแลเท่านั้น)มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง: เฟสบุค Thai Cancer Society, เว็ปไซต์ www.thaicancersocitey.com
มะเร็งสมาคมวิทยา: เว็บไซต์ http://www.thethaicancer.com/index.html

Latest articles

MSpa International ส่งต่อแรงบันดาลใจเพื่อสุขภาพ ฉลอง Global Wellness Day

เอ็มสปา อินเตอร์เนชั่นแนล (MSpa International) สปาแอนด์เวลเนสชั้นนำในเครือไมเนอร์ โฮเทลส์ (Minor Hotels) จัดกิจกรรมพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลอง Global Wellness Day หรือ วันแห่งสุขภาพโลก...

SCB หนุนวงเงิน 1.7 หมื่นล้านบาท พัฒนา 17 โครงการบ้าน-คอนโดหรูในเครือ SC Asset

SCB ตอกย้ำบทบาทพันธมิตรทางการเงินเชิงกลยุทธ์ของ SC Asset ด้วยการสนับสนุนวงเงินรวมกว่า 17,600 ล้านบาท ครอบคลุม 17 โครงการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียมของกลุ่มบริษัทในเครือ SC Asset

ค้นหาความหมาย เมื่อดินไม่ใช่แค่วัตถุดิบ “WERDIN: ดินกลาย” โดย “วศินบุรี”

นิทรรศการนี้จะพาคุณเข้าสู่การเดินทางของ “ดิน” ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงวัตถุดิบในงานเซรามิก หากแต่เป็นสัญลักษณ์ของกระบวนการ “การกลายเป็น” หรือ Werden คำในภาษาเยอรมันที่หมายถึง “เป็น, กลายเป็น, หรือจะเป็น”

ห้าดาว เปิดตัว ไก่จ๊อไข่ผำ เกาะเทรนด์สุขภาพ

ห้าดาว เปิดตัว “ไก่จ๊อไข่ผำ”ชูวัตถุดิบอาหารแห่งอนาคต สู่เมนูอร่อยตอบโจทย์สุขภาพ จัดโปรแรงลดราคา 20 บาท หาซื้อได้ ที่ร้าน Five Star ห้าดาว

More like this