ศวปถ.- ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุฯ ทบทวนการปรับอัตราความเร็ว 120 กม./ชม

Published on

ศวปถ.- ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุฯ วอน ก.คมนาคมทบทวนการปรับอัตราความเร็ว 120 กม./ชม ในถนนทางหลวง 15 สายทั่วประเทศ ชี้ 77% ของอุบัติเหตุเกิดจากขับขี่เร็ว หวั่นยิ่งเพิ่มความเร็ว อุบัติเหตุยิ่งรุนแรงแนะประเมินผลรอบด้าน เน้นความปลอดภัยประชาชนเป็นหลัก เร่ง เพิ่มมาตรการความปลอดภัย-แก้ไขจุดเสี่ยง-ติดกล้องตรวจจับความเร็วเพิ่ม

จากกรณีที่กระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงชนบท โดยอนุญาตให้เพิ่มความเร็วจาก 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพิ่มเป็น 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งได้ประกาศใช้แล้ว 7 เส้นทาง และเตรียมประกาศใช้เพิ่มอีก 8 เส้นทางในเดือนมีนาคม ปี 2565 เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถเดินทางบนทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงชนบทได้สะดวก รวดเร็วนั้น

นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) กล่าวว่า ศวปถ. ขับเคลื่อนการทำงานลดอุบัติเหตุมาโดยตลอด พบ ปัญหาการดื่มแล้วขับ การขับขี่รถด้วยความเร็ว เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดอุบัติเหตุ จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงปี 2563 ของสำนักอำนวยความปลอดภัย กรมทางหลวงพบว่า 77% ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เกิดจากการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งระดับความเร็ว120 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นความเร็วที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุระดับรุนแรงอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในถนนไม่มีมาตรฐานความปลอดภัย เช่น ถนนที่ตัดผ่านชุมชนที่มีประชาชนสัญจรเป็นจำนวนมาก จึงขอให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวนการเพิ่มความเร็ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้รถ ใช้ถนน เป็นหลัก และพิจารณาผลการใช้ความเร็วอย่างรอบด้าน ศึกษาผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย

“ที่สำคัญกระทรวงคมนาคม ควรเร่งตรวจสอบความปลอดภัยและแก้ไขจุดเสี่ยงถนน 7 สาย ที่ได้การประกาศให้ใช้ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไปแล้ว เช่น จัดการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยเครื่องหมายจราจรบนผิวถนน ติดตั้งป้ายจราจรให้ครบทุกจุด ก่อสร้างกำแพงคอนกรีต ทำไหล่ทางสำหรับกรณีฉุกเฉิน ปิดจุดกลับรถ-ทางเชื่อม ตรวจสอบไหล่ทาง หรือปิดจุดเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ และติดตั้งระบบขนส่งอัจฉริยะ (Intelligent Transportation System) ตลอดจนการมีมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยของถนน (Road Safety Audit : RSA ) ในการควบคุมการใช้ความเร็วของผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงทบทวนมาตรการการบังคับใช้กฎหมายการฝ่าฝืนความเร็วในจุดที่ไม่ได้รับอนุญาต” นพ.ธนะพงศ์ กล่าว

รศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์

รศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมต้องมีความชัดเจนในการประกาศปรับใช้ความเร็ว และแนวทางการปฏิบัติในการขับขี่ในเส้นทางที่เพิ่มความเร็วรถ เพราะมีประชาชนจำนวนมากที่ยังไม่มีเข้าใจถึงการประกาศปรับอัตราความเร็วดังกล่าว อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุมากกว่าการป้องกันอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้การบังคับใช้กฎหมายหลังจากการปรับอัตราความเร็วเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่กัน เช่น การติดป้ายจราจร หรือการติดตั้งกล้องจับความเร็วรถ ที่ยังไม่เพียงพอต่อการควบคุมความเร็วที่อาจเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง

“จุดที่น่าเป็นห่วงคือ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอาจมีระดับความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งเกิดจากความเร็วในการขับขี่ที่เพิ่มขึ้น ทั้งการเสียหลักพุ่งชน หลุดออกนอกเส้นทางจากความเร็ว ถนนที่ใช้จึงต้องมีความพร้อมในการป้องกันอุบัติเหตุ และมีการตรวจจับ รวมถึงมาตรการควบคุมที่มีประสิทธิภาพ โดยศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย จะมีการประเมินผลความปลอดภัยและอัตราการเกิดอุบัติเหตุในถนนที่มีการประกาศเพิ่ม”รศ.ดร.กัณวีร์ กล่าว

Latest articles

ORIGIN VERTICAL โกยยอดขายคอนโดฯต่างชาติครึ่งแรกปี’68 กว่า 2,800 ล้านบาท

ORIGIN VERTICAL ตอกย้ำผู้นำเจ้าตลาดขายคอนโดฯต่างชาติ โชว์ยอดขายต่างชาติ ชื้อคอนโดครึ่งแรกปี 2568 ทะลุกว่า 2,800 ล้านบาท ชี้ “รัสเซีย-จีน-ไต้หวัน” ครองสัดส่วนซื้อคอนโดฯมากสุด

W9 Wellness Center ชี้ “อาหารคลีนก็ทำให้อ้วนได้” กับดักสุขภาพที่รบกวนฮอร์โมนโดยไม่รู้ตัว

กินคลีนแล้วทำไมยังอ้วน? คำถามยอดฮิตที่ยังไม่มีคำตอบสำหรับใครหลายคน ในยุคที่ผู้คนใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การหันมากินอาหารคลีนกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ในขณะเดียวกัน หลายคนกลับตั้งคำถามว่า "ทั้งที่กินคลีน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ทำไมน้ำหนักถึงไม่ลดลง

สาวก Nokia เฮ HMD Global ต่อสิทธิ์ผลิตและจัดจำหน่ายโทรศัพท์แบรนด์ Nokia

HMD ประเทศไทย เดินเกมรุกตลาดต่อเนื่องทันทีที่ได้ต่อสิทธิ์ ใช้ชื่อ Nokia ในการผลิตและจำหน่ายโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนในแบรนด์โนเกียทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ต่อไปอีกประมาณ 2–3 ปี หลังจากไลเซนส์ครบสัญญาในปี 2568 นี้

“เปลี่ยนวิสัยทัศน์สู่ผลลัพธ์” โอสถสภา เปิดแผนยั่งยืน 2573 ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

“เปลี่ยนวิสัยทัศน์สู่ผลลัพธ์” โอสถสภาประกาศความสำเร็จ ESG ระยะแรก เปิดแผนยั่งยืน 2573 ขยายสู่การ ‘พัฒนาคน’ และ ‘ลดของเสีย’ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน

More like this