ชูนโยบาย Cyberbullying สร้างเกราะหยุดบูลลี่ ก่อนปัญหาบานปลาย

Published on

‘ครูหยุย’ รับข้อเสนอเชิงนโยบาย ‘Cyberbullying’ สสส.-สสดย. เผย เด็กมัธยมไทยกว่า 20% โดนบูลลี่ 35% ไประรานผู้อื่นต่อ 1 ใน 3 รู้สึกสะใจ-เท่ ผู้ตกเป็นเหยื่อจิตตก-เศร้า-อยากแก้แค้น-ร้ายแรงถึงขั้นคิดสั้น  ชงรัฐ สร้างระบบป้องกันเด็ก-กำกับดูแลสื่อออนไลน์ไม่เหมาะสม-หนุนงานสื่อสาร-เพิ่มวาระชาติด้านสื่อเพื่อเด็ก

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2564 ที่โรงแรม ทีเค. พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สมาคมวิทยุและสื่อเพื่อเด็กและเยาวชน (สสดย.) จัดงานเสวนาออนไลน์ “การรับมือกับสถานการณ์การระรานทางออนไลน์ของเด็กไทย (Cyberbullying)” โดย รศ.จุมพล รอดคำดี ที่ปรึกษา สสดย. และผู้ทรงคุณวุฒิแผนระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส. กล่าวว่า เวทีนี้จัดขึ้นเพื่อนำเสนอรูปแบบการเฝ้าระวังและเตรียมการรับมือกับสถานการณ์การระรานทางออนไลน์ของเด็กไทย พร้อมขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดข้อเสนอเชิงนโยบายต่อวุฒิสภา นำไปสู่การสานพลังแนวร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมสร้างนวัตกรรมหรือแนวทางปฏิบัติที่เห็นผล และเกิดประโยชน์สูงสุดในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเด็กไทย นำไปสู่การเป็นพลเมืองตื่นรู้ มีสุขภาวะทางปัญญา

นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส กล่าวว่า การพัฒนาและขยายสื่อดี สำคัญต่อการพัฒนาการเรียนรู้ และสุขภาวะทางปัญญาของเด็ก คณะกรรมาธิการได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาพส่วนเกี่ยวกับการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้  และการรู้เท่าทันสื่อมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งได้นำเสนอต่อวุฒิสภา และกำลังจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในไม่ช้านี้  ดังนั้น ข้อเสนอเรื่องการรับมือกับการระรานทางออนไลน์ของเด็กไทยในวันนี้ ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่คณะกรรมาธิการจะให้ความสำคัญกับปัญหานี้เป็นการเฉพาะ  เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกว้างขวาง และมีผลกระทบในทุกระดับ  จึงจะมีการพิจารณาดำเนินการเพื่อให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา และร่วมกับรับมือกับภัยจากการระรานทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลอย่างแท้จริง

ดร.นพ. ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา สสส. กล่าวว่า การถูกระรานทางออนไลน์ถือเป็นมหันตภัยทางออนไลน์ที่กลับพบเห็นได้ทั่วไป ผู้เป็นเหยื่อมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตจนเกิดปัญหาในการดำเนินชีวิตและสุขภาพตามมา สสส. ร่วมกับ สสดย. จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายที่ครอบคลุมมิติต่าง ๆ ดังนี้

1.ระบบการป้องกันปัญหา สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กก่อนอายุ 13 ปี

2.ระบบการช่วยเหลือและเยียวยาเด็กที่ได้รับผลกระทบ มีมาตรการทางกฎหมาย และแนวทางการทำงานที่จะสามารถช่วยเหลือเหยื่อได้

3.พัฒนาองค์ความรู้และการสื่อสารในสังคม

และ 4.หน่วยงานกลางที่มีความยืดหยุ่นเป็นศูนย์กลางในการดูแลเด็กและเยาวชนอย่างเป็นองค์รวม ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาวะทางปัญญา พัฒนาทักษะการเป็นผู้ใช้และสร้างสรรค์สื่อที่มีความรอบรู้ เท่าทัน ควบคู่ไปกับการร่วมสร้างระบบนิเวศสื่อสุขภาวะ

ดร.ธีรารัตน์ พันทวี วงศ์ธนะเอนก  รองประธานคณะทำงานเสริมสร้างการรู้เท่าทันสื่อสำหรับเด็กและเยาวชน วุฒิสภา และนายกสมาคม สสดย. กล่าวว่า จากการศึกษาการรับมือกับสถานการณ์การระรานทางออนไลน์ของเด็กไทย ปี 2563 พบว่า เด็กระดับชั้นมัธยมศึกษาทุกภูมิภาค 3,240 คน ร้อยละ 21.6 เคยถูกระรานทางออนไลน์ในรอบปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.2 เด็กถูกระรานทางออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ร้อยละ 18 ถูกระรานหลายครั้งต่อสัปดาห์ และร้อยละ 8.6 ถูกระรานทุกวัน โดยช่องทางเฟซบุ๊กมากที่สุดถึง ร้อยละ 53.35 เกมออนไลน์ ร้อยละ 13.12 อินสตาแกรม ร้อยละ 10.13 ทวิตเตอร์ ร้อยละ 9.99 แอปพลิเคชันไลน์ ร้อยละ 8.27 แอปพลิเคชันติ๊กต๊อก ร้อยละ 2.57 ยูทูบ ร้อยละ 1.43 และทางสื่อออนไลน์อื่น ๆ ร้อยละ 1.14 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการถูกระราน ร้อยละ 44.79 รู้สึกวิตกกังวล ร้อยละ 37.38 รู้สึกเจ็บปวดและเศร้า ร้อยละ 23.11 อยากแก้แค้น ร้ายแรงสุด คือ ร้อยละ 17.26 อยากฆ่าตัวตาย

“เมื่อศึกษาถึงพฤติกรรมการระรานทางออนไลน์ผู้อื่น พบว่า มีเด็กร้อยละ 14.1 เคยระรานทางออนไลน์ผู้อื่น ซึ่งร้อยละ 76.0 ระรานทางออนไลน์อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ร้อยละ 17.2 หลายครั้งต่อสัปดาห์ ร้อยละ 7.0 ระรานทุกวัน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 57.73 กล่าวว่ารู้สึกผิด ที่น่าตกใจ คือ ร้อยละ 33.55 หรือ 1 ใน 3 รู้สึกสะใจ ร้อยละ 32.03 รู้สึกเท่ และชัดเจนว่าร้อยละ 35.81 ของนักเรียนที่เคยถูกระรานมีพฤติกรรมไประรานผู้อื่น เมื่อถามนักเรียนว่ารับรู้ถึงการที่ผู้อื่นระรานทางออนไลน์หรือไม่ มีถึงร้อยละ 53.7 ตอบว่ารับรู้ และร้อยละ 67.3 หรือ 2 ใน 3 เคยเข้าไปช่วยเหลือผู้ถูกระราน ดังนั้น การทำให้บุคคลสามฝ่าย คือ ผู้ระราน ผู้ถูกระราน และผู้รับรู้การระราน ได้ตระหนักถึงปัญหาร่วมกัน และเข้าใจผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแต่ละฝ่าย โดยผ่านกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ จะช่วยให้สามารถบรรเทาสถานการณ์ปัญหา และหาทางออก เพื่อให้ทุกฝ่ายในโลกออนไลน์อยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น” ดร.ธีรารัตน์ กล่าว

สำหรับภายในงานมีการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยได้รับเกียรติจาก ครูลิลลี่ ครูสอนภาษาไทยขวัญใจวัยรุ่น และพี่อ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ที่ปรึกษาด้านความรัก จากรายการคลับฟรายเดย์ เข้าร่วมเพื่อระดมความคิดเห็นในการสร้างภูมิคุ้มกันแก่เด็กและเยาวชน

Latest articles

รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ครบรอบ 6 ปี เปิดตัวศูนย์สุขภาพเด็ก ‘LITTLE PRINCE’ ตอบโจทย์ครอบครัว

โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จัดงานครบรอบ 6 ปี ภายใต้แนวคิด “มั่นใจ สู่ความเป็นเลิศ : Believe in Excellence” พร้อมเปิดตัว “LITTLE PRINCE” ศูนย์ความเป็นเลิศด้านสุขภาพเด็กเพื่อขยายการดูแลครบวงจรให้กับคนทุกวัย

Shell Rushes Aid to Southern Thailand, Providing Fuel Donation to the Ministry of Defense’s Frontline Disaster Relief Center.

Amid severe flooding that has impacted many areas of Southern Thailand, particularly Songkhla province,...

โชว์ศักยภาพประเทศไทย เจ้าภาพการประชุม IMF-WBG Annual Meetings 2026

การประชุมนี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางและนโยบายระดับโลก โดยเปิดโอกาสให้ผู้แทนจากรัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความร่วมมือเพื่อเตรียมรับมือกับความท้าทายในยุคปัจจุบัน

Life and Bronze ผลงานประติมากรรมชิ้นเอก บันทึกชีวิตของ อาจารย์ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์

ท่าพิพิธภัณฑ์ เชิญชวนผู้รักในศิลปะทุกท่าน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวาระสำคัญของการเชิดชูมรดกทางปัญญาและศิลปะของชาติ ในนิทรรศการ Life and Bronze จัดแสดงผลงานประติมากรรมชิ้นเอก รวมถึงบันทึกอันทรงคุณค่าของ อาจารย์ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์

More like this