“สินบน” ภัยร้ายกระทบธุรกิจไทย –ป.ป.ช. แนะ 8 หลักการป้องกันตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

Published on

ในยุควิกฤติเศรษฐกิจที่ทุกองค์กรต้องการเร่งหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ การแข่งขันทางธุรกิจมีความเข้มข้นมากขึ้น กลายเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นที่ทำให้เกิดการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับเจ้าพนักงานของรัฐเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งปัญหาการทุจริตและติดสินบนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเท่านั้น แต่เป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

จากผลสำรวจอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและการทุจริตในประเทศไทย ประจำปี 2563 จัดทำโดยบริษัท ไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส ประเทศไทย (PwC Thailand) หรือ ‘PwC’s Thailand Economic Crime and Fraud Survey 2020 โดยสำรวจครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจในประเทศ พบว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 33% ของบริษัทในไทยได้รับผลกระทบจากการทุจริตและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ โดยปัญหา “สินบนและการทุจริต” เป็นหนึ่งในอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่ภาคธุรกิจต้องพบเจอมากที่สุด(31%) รองลงมาจากการยักยอกทรัพย์ (47%) และการทุจริตผ่านการจัดซื้อจัดจ้าง (33%)

อย่างไรก็ดี จากการสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบค่าดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย (CSI) ในปี 2555-2556 ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐต้องจ่ายเงินเพิ่มให้แก่เจ้าพนักงานของรัฐและนักการเมืองที่ทุจริต เฉลี่ยอยู่ที่ 25-35% / ปี 2557 เฉลี่ยอยู่ที่ 5-15% / ปี 2558-2559 เฉลี่ยอยู่ที่ 1-15% และในปี 2560 เฉลี่ยอยู่ที่ 5-15% ทำให้เห็นได้ว่าปัญหาการคอร์รัปชั่นในประเทศไทยมีแนวโน้มจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณที่ดีในการร่วมมือกันช่วยลดปัญหาทุจริตและการติดสินบนของไทยให้มีปริมาณลดลงต่อไป

นอกจากสถิติเหล่านี้ที่ชี้ให้เห็นปัญหาสินบนและการทุจริตในประเทศไทยแล้ว ยังมีสถิติอื่นๆ ที่สะท้อนปัญหาดังกล่าวในภาพรวมระดับโลก เช่น สถิติคดีสินบนของกลุ่มประเทศ OECD ซึ่งพบว่าทุกประเทศและทุกระดับการพัฒนาของเศรษฐกิจต่างเผชิญปัญหานี้เช่นเดียวกัน

เพราะการให้สินบนเหล่านี้ทำให้เกิดการแข่งขันทางธุรกิจที่ไม่เท่าเทียม อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาประเทศทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจ เห็นได้จากการจัดอันดับต่างๆ ที่เป็นกระจกสะท้อนภาพลักษณ์การทุจริตของประเทศได้อย่างชัดเจน ตัวเลขผลสำรวจเหล่านี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่กลุ่มนักลงทุนใช้ประเมินความน่าสนใจในการลงทุนของแต่ละประเทศ โดยจะมองว่าการทุจริตเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เป็นต้นทุนหรือเป็นความเสี่ยงในการเข้ามาประกอบธุรกิจ ถ้าประเทศไหนมีคะแนนที่ดีก็จะช่วยสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของประเทศที่ดีและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศนั่นเอง

ไม่ใช่แค่บุคคล แต่ความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานของรัฐ “นิติบุคคล” ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พัฒนากฎหมายและมาตรการที่จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาสินบนอย่างมีประสิทธิภาพ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 176 เป็นการกำหนดความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ โดยสินบนที่ว่านี้หมายถึงทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นๆ ที่ให้แก่เจ้าพนักงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็น เงิน บ้าน รถ หรือแม้แต่การพาไปท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการให้เพื่อจูงใจให้เกิดการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่ และแม้ผู้ให้สินบนจะไม่ได้ให้แก่เจ้าพนักงานของรัฐโดยตรง เช่น การให้สินบนผ่านตัวกลาง อย่างคู่สมรส ญาติ หรือเพื่อน ก็เป็นความผิดตามมาตรานี้เช่นกัน โดยจะได้รับโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนั้น กฎหมายยังกำหนดความรับผิดสำหรับองค์กรที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ในกรณีที่พนักงาน ลูกจ้าง ตัวแทน บุคลากรขององค์กรหรือบริษัทในเครือ ให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคล หากเกิดการติดสินบนและนิติบุคคลไม่มีมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการกระทำความผิด นิติบุคคลอาจต้องโทษปรับ ตั้งแต่หนึ่งเท่าแต่ไม่เกินสองเท่าของค่าเสียหายที่เกิดขึ้น หรือประโยชน์ที่ได้รับ

8 หลักการป้องกันการให้สินบนเจ้าพนักงานของรัฐ ตัวช่วยสำคัญสำหรับองค์กรเพื่อการควบคุมความเสี่ยง
นอกจากกฎหมายจะเข้ามาช่วยปราบปรามผู้ที่ให้สินบนแล้ว กลไกที่สำคัญของกฎหมายอีกอย่างหนึ่งคือการสนับสนุนให้องค์กรมีมาตรการกำกับดูแลภายใน เพื่อการประกอบกิจการอย่างโปร่งใส และมีวัฒนธรรมองค์กรในการต่อต้านสินบนและการทุจริตอย่างแท้จริง

คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้กำหนดหลักการป้องกันการให้สินบนขึ้นมาด้วยกันทั้งหมด 8 ข้อ เพื่อให้นิติบุคคลนำไปปรับใช้ ได้แก่

1. การป้องกันการให้สินบนต้องเป็นนโยบายสำคัญจากระดับบริหารสูงสุด
ผู้ที่อยู่ในระดับบริหารสูงสุดขององค์กรมีบทบาทสำคัญที่ในการริเริ่มมาตรการควบคุมภายในองค์กร สามารถสร้างวัฒนธรรมภายในองค์กรให้ต่อต้านการให้สินบนเจ้าพนักงานของรัฐได้ โดยอาจเป็นการปฏิบัติตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดี หรือสร้างนโยบายในการต่อต้านสินบน

2. นิติบุคคลต้องมีการประเมินความเสี่ยงในการให้สินบนเจ้าพนักงานของรัฐ
นิติบุคคลมีโอกาสที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเจ้าพนักงานของรัฐมากน้อยแตกต่างกันออกไป ด้วย โครงสร้าง ประเภท และลักษณะการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกันการประเมินความเสี่ยงในการให้สินบนเจ้าพนักงานของรัฐ จะทำให้สามารถสร้างมาตรการควบคุมได้เหมาะสมกับสภาพธุรกิจของตนเอง ซึ่งความเสี่ยงที่ว่านั้นหมายถึง ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ลักษณะธุรกิจที่มีโอกาสติดต่อกับเจ้าพนักงานของรัฐ และความเสี่ยงจากปัจจัยภายใน เช่น การขาดการอบรมเกี่ยวกับการต่อต้านการให้สินบน เป็นต้น

3. มาตรการเกี่ยวกับกรณีมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นการให้สินบนต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน
การให้ของขวัญ เช่น เงิน สินค้า บริการ บัตรกำนัล หรือการเลี้ยงรับรอง เช่น ค่าที่พัก การศึกษา
ดูงาน ค่าอาหารเครื่องดื่ม และการบริจาค มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นการให้สินบนเจ้าพนักงานของรัฐนิติบุคคลจึงต้องมีขั้นตอนการพิจารณาในการขออนุมัติและตรวจสอบอย่างชัดเจน โดยต้องเป็นการกระทำที่ไม่มีเจตนาเป็นการใช้จ่ายเพื่อจูงใจเจ้าพนักงานของรัฐ ในส่วนมูลค่าควรสมเหตุสมผลและใช้เท่าที่จำเป็น และที่สำคัญช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ไม่อยู่ในช่วงใกล้การเข้าร่วมแข่งขันประมูลโครงการของรัฐ เป็นต้น

4. นิติบุคคลต้องนำมาตรการป้องกันการให้สินบนไปปรับใช้กับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจกับนิติบุคคล
บริษัทในเครือ หรือตัวแทนต่างๆ ถ้าเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจเหล่านี้ให้สินบนกับเจ้าพนักงานของรัฐเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคล นิติบุคคลอาจมีความผิดด้วย จึงควรมีการตรวจสอบสถานะ รวมทั้งอาจกำหนดเป็นข้อตกลงในสัญญาให้ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรการเรื่องการต่อต้านสินบนด้วยเช่นกัน

5. นิติบุคคลต้องมีระบบบัญชีที่ดี
มีการบันทึกข้อมูลอย่างถูกต้อง โปร่งใส และมีการตรวจสอบที่เป็นอิสระเพื่อป้องกันการปกปิดค่าใช้จ่ายที่ใช้เป็นสินบน

6. นิติบุคคลต้องมีแนวทางการบริหารทรัพยากรบุคคลที่สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการให้สินบน
การบริหารทรัพยากรบุคคลที่ดีเป็นส่วนสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการให้สินบนภายในองค์กรได้ นับตั้งแต่การจ้างงาน การเลื่อนตำแหน่ง การฝึกอบรม และการจ่ายค่าตอบแทน
นิติบุคคลต้องมีการผลักดันบุคลากรภายในองค์กรให้มีความตระหนักและร่วมมือปฏิบัติตาม

7. นิติบุคคลต้องมีมาตรการในการสนับสนุนให้มีการรายงานการกระทำความผิด หรือกรณีมีเหตุน่าสงสัย
จัดให้มีช่องทางการรายงานและให้ความคุ้มครองผู้ร้องเรียน สร้างความเชื่อมั่นให้มีการร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เช่น มีวิธีการรับเรื่องที่เข้าถึงง่าย ชัดเจน ปกปิดสถานะของผู้ร้องเรียนหากไม่ต้องการเปิดเผยตัวเอง ไปจนถึงสามารถติดตามผลการดำเนินการได้

8. นิติบุคคลต้องตรวจสอบและประเมินผลการใช้มาตรการป้องกันการให้สินบนอย่างเป็นระยะ
ความเสี่ยงในการให้สินบนเจ้าพนักงานของรัฐนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ จึงต้องมีการทบทวนและประเมินผลมาตรการป้องกันการให้สินบนเป็นระยะเพื่อแก้ไขปรับปรุงมาตรการให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป

แม้นิติบุคคลจะมีมาตรการสอดคล้องกับหลักการของคู่มือฉบับนี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าจะไม่ต้องรับผิดถ้ามีการให้สินบนเกิดขึ้น เพราะนิติบุคคลยังต้องนำมาตรการไปปรับใช้อย่างจริงจังให้เหมาะสมกับสภาพธุรกิจและความเสี่ยงของตน เพื่อให้มาตรการนั้นเป็นมาตรการควบคุมภายในที่เหมาะสมจริงๆ ด้วยเช่นกัน

การสร้างมาตรการป้องกันการให้สินบนที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพจะเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดให้กับองค์กรของท่าน โดยไม่เป็นเพียงแค่ป้องกันความเสียหายที่เกิดจากการถูกฟ้องร้องเป็นคดีความเท่านั้น แต่การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ยังส่งผลไปยังทุกภาคส่วนอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะจำนวนการทุจริตที่ลดลงจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ และยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือต่อนักลงทุน ผู้ถือหุ้น ทำให้การดำเนินธุรกิจของท่านเป็นไปได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this