เราไม่ทิ้งกัน ขยายโควต้ารับเงินเยียวยา 5,000 บาท รวม 9 ล้านคน

Published on

เราไม่ทิ้งกัน ก.คลัง จัดให้!! “ชาญกฤช” แจง ขยายโควต้ารับเงินเยียวยา 5,000 บาท รวม 9 ล้านคน ชี้ AI คือ สุดยอดระบบคัดกรอง พร้อมแนะทางรอดผู้หลุดเกณฑ์ ยังมีสินเชื่อดอกเบี้ย 0.1% รออยู่

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบตามที่ท่านอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอให้ทบทวนมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยขยายจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์เยียวยาเพิ่มอีก 6 ล้านคน รวมเป็น 9 ล้านคน จากเดิมที่ 3 ล้านคน สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 รวมถึงกลุ่มแรงงานนอกระบบที่ไม่ได้อยู่ในประกันสังคมด้วย เพื่อให้ครอบคลุมทั่วถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จะได้รับเงินชดเชยรายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน โดยเงินชดเชยรายได้ระยะแรกจะถูกนำมาใช้ในเดือนเมษายนจำนวน 45,000 ล้านบาท เงินชดเชยดังกล่าวยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยให้กรมสรรพากรเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

สำหรับบุคคลที่จะเข้าเกณฑ์ผู้ประกันตนมาตรา 39 หมายถึง ผู้ประกันตนโดยสมัครใจที่ยังอยากส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมหลังผันตัวออกมาประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือมีเหตุให้ต้องหลุดออกจากงานเดิมแต่ยังต้องการคงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของประกันสังคมไว้ จึงไปสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน ส่วนมาตรา 40 คือ เป็นผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ หรือแรงงานนอกระบบ มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์ ต้องเป็นบุคคลที่ไม่ได้เป็นลูกจ้างในบริษัทเอกชนตามประกันสังคมมาตรา 33 และไม่เคยสมัครเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 39 ไม่เป็นข้าราชการ หรือบุคคลที่ถูกยกเว้นตามกฎหมายประกันสังคม บุคคลพิการที่สามารถรับรู้สิทธิประกันสังคม

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังมีพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ยังขาดความเข้าใจในเทคโนโลยี Artificial Intelligence หรือ AI ที่ถูกนำมาใช้ในการคัดกรองคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนในเว็บไซด์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com เพื่อรับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีมากกว่า 22 ล้านคนแล้ว โดยเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ถูกแบรนด์ดังระดับโลกนำไปใช้อย่างแพร่หลายและประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจ ทั้ง Amazon, Google, Uber, Apple, Netflix และ Facebook เพราะสามารถบริหารจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง เมื่อเทียบกับการทำงานของมนุษย์ซึ่งอาจมีข้อผิดพลาด

ชาญกฤช เดชวิทักษ์

นอกจากนี้ AI ยังสามารถเรียนรู้ (Machine Learning) และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกที่มีความซับซ้อนได้ด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ธนาคารกรุงไทยเลือกใช้เทคโนโลยี AI เพื่อกลั่นกรองข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดจากการลงทะเบียนในระบบ โดยวิธีการตอบคำถามที่กระทรวงการคลังเตรียมไว้ หลังจากนั้น ระบบจะวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการตอบคำถามของผู้ลงทะเบียน โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่เลือกและคำถามที่ตอบไว้ ซึ่งตรงนี้ระบบ AI จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดว่าสอดคล้องกับคุณสมบัติที่ทางกระทรวงการคลังระบุไว้หรือไม่ โดยผลที่ได้จะมีความแม่นยำสูง ปราศจากความคิดเห็นส่วนตัวต่างจากมนุษย์ เพราะระบบ AI จะวิเคราะห์พร้อมประมวลผลข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดที่ผู้ลงทะเบียนเป็นผู้กรอก เพื่อเฟ้นหาผู้ที่เดือดร้อนจริงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และได้รับสิทธิ์เงินเยียวยารายละ 5,000 บาท ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2563

พร้อมกันนี้ นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ยังได้แนะนำผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าสามารถเข้าร่วม “โครงการสินเชื่อฉุกเฉิน“ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 40,000 ล้านบาท แบ่งเป็นธนาคารละ 20,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.1% ต่อเดือน วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 10,000 บาท เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่ต้องชำระเงินกู้ 6 เดือนแรก ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้หลักประกันใดๆ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้ ประกอบอาชีพอิสระที่มีรายได้เดือนละไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เช่น พ่อค้าแม่ค้า คนขับรถโดยสาร แท็กซี่ สามล้อ มัคคุเทศก์ เป็นต้น เพื่อช่วยเหลือประชาชนฝ่าวิกฤติโควิด-19 ไปได้ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดและยื่นเรื่องออนไลน์ได้ทั้งสองธนาคาร

ส่วน “โครงการสินเชื่อพิเศษ” เพื่อเสริมสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว ธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน ให้ผ่อนชำระคืนนานถึง 3 ปี โดยการค้ำประกันสามารถใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกันก็ได้ เพียงมีอายุ 20 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย มีถิ่นที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถติดต่อได้ เป็นผู้มีรายได้ประจำ แต่รายได้ลดลงหรือขาดรายได้เนื่องจากได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 และภัยอื่นๆ ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ ธนาคารออมสินเปิดให้บริการจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563

Latest articles

ยัวซ่าแบตเตอรี่ ฉลอง 2,600 วันแห่งความปลอดภัย ปักหมุดองค์กรต้นแบบ Zero Accident

บริษัท ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย (Safety First) จนประสบความสำเร็จในโครงการ Zero Accident 2,600 วัน แห่งวัฒนธรรม “ปลอดภัยอย่างยั่งยืน”

PTG ผนึก รพ.ศิริราช จัดโครงการ “บริจาคโลหิต ให้เลือด ให้ชีวิต เพื่อคนไทย อยู่ดีมีสุข”

PTG ผนึก รพ.ศิริราช จัดโครงการ “บริจาคโลหิต ให้เลือด ให้ชีวิต เพื่อคนไทย อยู่ดีมีสุข #1” สร้างปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในไทย ผ่าน 'PTG Social Innovation' ใช้สถานีบริการน้ำมันเป็นศูนย์รับบริจาคโลหิต แก้ปัญหาเลือดขาดแคลนอย่างยั่งยืน

โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย เดินหน้าลดขยะอาหาร ตอกย้ำพันธกิจสู่ความยั่งยืน

โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ผู้นำระดับโลกด้านบริการอาหารอย่างยั่งยืนและการมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่าในทุกช่วงเวลาของชีวิตจากประเทศฝรั่งเศส เดินหน้าตอกย้ำพันธกิจด้านความยั่งยืนผ่านกิจกรรม “WasteWatch & WasteWise Champion 2025” อย่างต่อเนื่อง

AESLA จัดงานสัมมนาองค์ความรู้ด้านเวชศาสตร์ความงามเกี่ยวกับโพลินิวคลีโอไทด์

เอสล่า (AESLA) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ด้านความงามและเวชสำอางชั้นนำระดับโลกที่ผ่านมาตรฐาน U.S. FDA และ Gold Standard จัดงานสัมมนาเชิงวิชาการ “Seeing is Believing: Trusted Science, Visible Results with Polynucleotides”

More like this