สังคมสูงวัย ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ แบบไหนเหมาะกับบ้านเรา

Published on

เมื่อกล่าวถึงสังคมผู้สูงอายุ ญี่ปุ่นมักจะเป็นประเทศที่ถูกกล่าวถึงในเชิงตัวอย่างที่สมบูรณ์ของสังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ เนื่องจากมีการเตรียมการมาแล้วถึง 25 ปี อีกทั้งยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างแพร่หลาย ขณะที่เกาหลีใต้ ก็เป็นอีกประเทศที่มีแบบอย่างของการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุมาแล้วราว 18 ปี มีตัวอย่างการปรับตัวที่เหมาะกับศักยภาพของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ ไปดูกันว่า รูปแบบของสังคมผู้สูงอายุของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ แบบไหน หรือเรื่องใด ที่เหมาะกับการนำมาปรับใช้ในเมืองไทยบ้าง

โดยเมื่อไม่นานมานี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนกรสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ เจแปนฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย สมาคมญี่ปุ่นแห่งประเทศไทย และ SASAKAWA PEACE FOUNDATION จัดงานเสวนาสาธารณะ หัวข้อ “สังคมสูงวัยไทย – ญี่ปุ่น : ในโลกยุคดิจิทัล (Digital and Active Ageing in Japan and Thailand )”

ภรณี  ภู่ประเสริฐ

นางภรณี  ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ สสส. กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นการนำเสนอข้อมูล แนวทางเชิงนโยบาย ปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ต่อมาตราการในการเตรียมพร้อมรับมือ สังคมสูงวัยในไทย – ญี่ปุ่น  และเกาหลีใต้ ตลอดจนบทบาทสื่อ คนรุ่นใหม่ และศิลปินผู้สูงวัยที่มีพลังในการสร้างสรรค์ ศิลปะวัฒนธรรม ต่อการสร้างพลังบวก และการพัฒนานวัตกรรมทางสังคมและธุรกิจเพื่อสังคมไทยในโลกยุคดิจิทัล รวมทั้งร่วมสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ และแนวทางในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการตระหนักรู้ และเตรียมพร้อมของสังคมไทยสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในอนาคต

นางภรณี กล่าวต่อว่า สถานการณ์สูงอายุไทย ปี 2560 มีผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 11.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 17.1 ซึ่งคาดว่าประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete Aged Society) ในปี 2564 โดยจะมีประชากรสูงอายุจะมีถึง 1 ใน 5 และในปี 2574 จะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด อย่างไรก็ตาม พบว่าประชากรไทยก่อนวัยสูงอายุกว่าร้อยละ 40 ยังคงไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพในอนาคต ทั้งด้านสุขภาพและความมั่นคงทางรายได้

ที่ผ่านมา สสส.พยายามสร้างความตระหนักถึงสถานการณ์สังคมสูงอายุของประเทศไทยที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของสังคม เช่น อัตราการเกิดที่น้อย ส่งผลถึงวัยแรงงานที่จะขาดแคลนในอนาคต การแบกรับภาระการดูแลครอบครัวของคนรุ่นใหม่ แม้ภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม จะรวมกันเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงอายุอย่างต่อเนื่องแต่บทเรียนในการเตรียมความพร้อมและพัฒนาระบบเพื่อรองรับสังคมสูงอายุในมิติต่าง ๆ ของทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีก็เป็นประเด็นน่าสนใจ มีการออกแบบนวัตกรรมที่ใช้ในการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เช่น ธนาคารเวลา ศูนย์สวัสดิการสังคม โดยเฉพาะธนาคารเวลาที่ สสส.ได้ร่วมกับกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ดำเนินการในพื้นที่นำร่องของกรุงเทพมหานคร และพื้นที่นำร่อง 42 พื้นที่ใน 28 จังหวัด เหล่านี้เป็นนวัตกรรมทางสังคมที่เป็นประโยชน์สามารถประยุกต์ใช้ตามบริบทของสังคมไทย

ดร.คิอิชิโร่  โออิซูมิ

ดร.คิอิชิโร่  โออิซูมิ ผู้อำนวยการของสมาคมเอเชียศึกษา และสมาคมไทยศึกษาแห่งประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึง “ความเหมือนและความต่างของนโยบายและมาตราการต่างๆ ในการเตรียมพร้อมสำหรับสังคมสูงวัยในญี่ปุ่นและไทย” ว่า ขณะนี้ประเทศไทยญี่ปุนและไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้วและมีแนวโน้มในทิศทางเดียวกันคือ อัตราการเด็กเกิดน้อยโดยสัมพันธ์กับระดับรายได้มากจะมีบุตรน้อย การมีค่านิยมการแต่งงานที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะในโลกยุคดิจิตัล จากการสอบถามผู้ชายรุ่นใหม่ของญี่ปุ่น พบว่าผู้ชาย 60% ตอบว่ามีแฟนเป็น AI หรือปัญญาประดิษฐ์ได้ ขณะที่อายุขัยเฉลี่ยยาวนานขึ้น โดยญี่ปุ่นอายุขัยเฉลี่ยราว 80 ปี คนไทยราว 70 ปี

อย่างไรก็ตาม ประชากรหนุ่มสาวคนไทยยังมีเวลาเตรียมตัว หากมีการกำหนดให้ผู้สูงอายุมีอายุ 65 ปีขึ้นไปเหมือนญี่ปุ่น แต่ไทยนิยามให้ผู้สูงอายุต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ทำให้มีสัดส่วนผู้สูงอายุเร็วขึ้น ดังนั้น อยากให้ปรับเปลี่ยนแนวคิดเป็นสูงวัยที่มีความกระปรี้กระเปร่า(Active Ageing) ส่วนการเตรียมการรองรับหรือแก้ปัญหาสังคมผู้สูงวัยนั้นญี่ปุ่นอาจจะไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีนักและกำลังประสบปัญหาเช่นกัน แต่อยากให้นำบางส่วนปรับใช้ เช่นตัวอย่างในภาคประชาสังคมมีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ดูแลผู้สูงอายุ เป็นการให้บริการดูแลผู้สูงอายุผ่านแอปพลิเคชัน อำนวยความสะดวกในการส่งผู้ดูแลอยู่เป็นเพื่อน ซื้อของ เป็นต้น

ดร.คิม ซุง-วอน

ดร.คิม ซุง-วอน อาจารย์ในมหาวิทยาลัยโตเกียว กล่าวในหัวข้อ “สถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตของสังคมสูงวัยในเกาหลีใต้” ว่า สังคมเกาหลีใต้และไทยมีเวลา 18 ปี ในการเตรียมความเข้าสู่สังคม ขณะที่ญี่ปุ่นใช้เวลา 25 ปี ถือเป็นรุ่นพี่ที่มีการเตรียมความพร้อมมาก่อน เกาหลีใต้จึงนำเอาระบบประกันแบบบำนาญที่ดูแลผู้สูงอายุในระยะยาวของญี่ปุ่นมาเป็นแบบอย่างซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ความเป็นจริงญี่ปุ่นและเกาหลีมีความแตกต่างกัน รัฐบาลญี่ปุ่นให้งบประมาณในการอุดหนุนมากกว่าทำให้ได้รับบริการที่คลอบคลุมเพียงพอในการดำเนินชีวิต โดยที่เกาหลีไม่สามารถเลียนแบบได้ เพราะหมายถึงการใช้งบประมาณจำนวนมากและการเป็นหนี้สาธารณะของประเทศ ทำให้ผู้สูงอายุของเกาหลีใต้เป็นผู้สูงอายุที่ยากจนที่สุดในโลก ต้องทำงานเมื่อแก่ชรา พึ่งพิงลูกหลาน และได้รับเงินสวัสดิการจำนวนน้อยนิด

ดังนั้น เกาหลีจึงริเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ ซึ่งจะประสบความสำเร็จได้มากกว่า ในปี 2549 จึงตั้งศูนย์สวัสดิการสังคมในชุมนขึ้น 4 แห่ง เพื่อทำงานขับเคลื่อนสังคมเป็นตัวกลางในการเชื่อมประสานระหว่างผู้สูงอายุและชุมชน ศูนย์สวัสดิการสังคมในชุมชนจึงเป็นทั้งโรงอาหาร ส่งอาหาร ตรวจสุขภาพ จัดกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ฯลฯ และยังมีเจ้าหน้าที่ที่คอยประสานกับเอกชนหรือร้านค้าในชุมชน ให้บริจาคเป็นบริการต่างๆ เช่น ตัดผม รับประทานอาหารในร้าน คาราโอเกะ โดยการใช้คูปอง ในปี 2558 จึงมีศูนย์สวัสดิการสังคมในชุมชน 454 แห่ง ถือเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเป็นผลสำเร็จ

Latest articles

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

คนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ย 340 แก้ว/ปี เผยเทรนด์กาแฟพร้อมดื่ม Café Hopping กำลังมา

คนไทยดื่มกาแฟเฉลี่ย 340 แก้ว/คนปี เผยเทรนด์ก Café Hopping กำลังมา นี่คือโจทย์ใหม่ของกาแฟพร้อมดื่ม จากเครื่องดื่มสู่บทใหม่ของวัฒนธรรมการใช้ชีวิต

More like this