มาตรการหลังการรับรองอนุสัญญาฯ ของประเทศไทย

Published on

ข้อเรียกร้ององค์กรภาคประชาสังคมกรณีการให้สัตยาบันอนุญาสัญญาองค์การด้านแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ 188 และมาตรการหลังการรับรองอนุสัญญาฯ ของประเทศไทย

ตามที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ยื่นสัตยาบันอนุสัญญาองค์การด้านแรงงานระหว่างประเทศหรือไอแอลโอ ฉบับที่ 188 ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง พ.ศ.2550 (ค.ศ.2007) ต่อ นายกาย ไรเดอร์ (Mr.Guy Ryder) ผู้อำนวยการใหญ่ไอแอลโอ ณ สำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ถือได้เป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับประเทศไทยในการแสดงจุดยืนและประกาศแนวนโยบายในการที่จะให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองแรงงานในกิจการประมงทะเลและเป็นการยกมาตรการคุ้มครองแรงงานประมงทะเลของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทางเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติขอแสดงความชื่นชมการดำเนินการของรัฐบาลไทยในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม มาตรการหลังการให้สัตยาบันที่จะทำให้จุดมุ่งหมายของรัฐบาลไทยในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริงก็คือการปรับปรุงหรือจัดทำกฎหมายภายในประเทศในด้านการคุ้มครองแรงงานประมงให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฉบับนี้ ที่ปัจจุบันกระทรวงแรงงานได้มีการจัดทำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานในงานประมง และทางเครือข่ายฯ ยังมีข้อสังเกตุและข้อกังวลเกี่ยวกับการดำเนินการออกกฎหมายภายในประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาดังนี้

1. ประเด็นด้านประกันสังคม ซึ่งในอนุสัญญาฯ มาตรา 34 ระบุให้ “สมาชิกแต่ละประเทศต้องทำให้
มั่นใจได้ว่า แรงงานประมงที่โดยปกติแล้วพำนักอยู่ในเขตอาณาของตน และผู้อยู่ในความอุปการะตามความหมายที่บัญญัติโดยกฎหมายภายในประเทศ เป็นผู้มีสิทธิในสิทธิประโยชน์จากการคุ้มครองด้านการประกันสังคม ภายใต้สภาพที่เป็นคุณไม่น้อยกว่าที่ใช้บังคับกับคนงานอื่นๆ รวมถึง บุคคลที่ได้รับการจ้างงาน ผู้ประกอบกิจการส่วนตัวผู้มีถิ่นพำนักโดยปกติในเขตอาณาของประเทศสมาชิก” ในขณะที่ร่างพรบ.การคุ้มครองแรงงานในงานประมง ได้ระบุประเด็นนี้ใน มาตรา 12 ว่า “ เจ้าของเรือต้องจัดให้แรงงานประมงได้รับสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ และสวัสดิการในด้านต่าง ๆ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานประกาศกําหนด โดยจะจัดให้มี ประกันที่คุ้มครองด้านสุขภาพและสวัสดิการดังกล่าว หรือวิธีอื่นใดที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประกาศกําหนด ก็ได้” การกำหนดในมาตรา 12 ของร่างพระราชบัญญัติยังมีลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับมาตรา 34 ของอนนุสัญญาฯ ที่พูดถึงเรื่องการได้รับสิทธิประโยชน์คุ้มครองด้านการประกันสังคม ภายใต้สภาพที่เป็นคุณไม่น้อยกว่าที่บังคับใช้กับคนงานคนอื่น ๆ ดังนั้น การพยายามระบุให้การคุ้มครองทางประกันสังคมเป็นเพียงเรื่องสุขภาพและสวัสดิการนั้น ไม่ได้สอดคล้องกับหลักการทั่วไปของการประกันสังคม ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม ของประเทศไทย ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการที่การออกกฎหมายภายในของประเทศไทยจะขัดกับหลักการตามอนุสัญญาในประเด็นนี้

2. ประเด็นเรื่องการการเปิดโอกาสให้บุคคลอายุ 16 ปีขึ้นไป ฝึกงานในเรือประมงได้ ใน
อนุสัญญาฯ ได้ระบุถึงอายุขั้นต่ำของแรงงานในกิจการประมงจะต้องไม่ต่ำกว่า 16 ปี แต่หลักการสำคัญของอนุสัญญาในมาตรา 6 ข้อ 2 ระบุว่า “ไม่มีสิ่งใดในอนุสัญญาฉบับนี้ที่จะส่งผลต่อกฎหมาย คำตัดสิน หรือธรรมเนียมปฏิบัติ หรือข้อตกลงใด ๆ ระหว่างเจ้าของเรือประมงกับคนงานประมง ซึงให้เงื่อนไขที่เป็นประโยชน์มากกว่าที่บัญญัติไว้ในอนุสัญญา” ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยได้กำหนดอายุขั้นต่ำของแรงงานในกิจการประมงจะต้องไม่ต่ำกว่า 18 ปี โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กในการทำงานเป็นหลัก ดังนั้นการที่มีแนวทางจะกำหนดให้ผู้ที่อายุไม่ต่ำกว่า 16 ในกิจการประมง ย่อมถือว่าขัดแย้งกับหลักการสำคัญของอนุสัญญาฯ นโยบายและข้อกฎหมายอื่นๆที่รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญต่อประเด็นการใช้แรงงานเด็กไม่ว่าจะเป็นประกาศคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานในรูปแบบที่เลวร้ายโดยระบุให้งานประมงเป็นอันตรายต่อเด็ก อนุสัญญาไอแอลโอ ฉบับที่ 182 ว่าด้วยแรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี

3. ประเด็นเรื่องการจ่ายค่าจ้างผ่านบัญชีธนาคาร/ตู้เอทีเอ็ม ซึ่งเป็นมาตรการทางกฎหมายของประเทศ
ไทยเพื่อป้องกันปัญหาการจ่ายค่าจ้างที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด ซึ่งทางผู้ประกอบการมองว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นภาระและยังไม่มีความพร้อม จึงได้มีข้อเสนอให้แก้ไขกฎหมายให้สามารถจ่ายเป็นเงินสดและจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าได้ ในกรณีนี้แม้ในอนุสัญญาฯ จะไม่ได้มีการกำหนดไว้ แต่หากพิจารณามาตรการของรัฐบาลไทยประกอบกับการให้สัตยาบันต่อไอแอลโอในพิธีสารแรงงานบังคับ ที่ 29 พบว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวแรงงานประมงและสอดคล้องต่อพิธีสารฯฉบับดังกล่าว ดังนั้นการแก้ไขตามข้อเสนอของผู้ประกอบการในประเด็นดังกล่าวควรจะมีการพิจารณาอย่างจริงจังถึงผลกระทบในทุกด้าน รวมถึงมีมาตรการรองรับเพื่อป้องกันไม่ให้แรงงานประมงถูกละเมิดในเรื่องการจ่ายค่าจ้างตามกฎหมาย

4. หลักการสำคัญที่ปรากฎในอนุสัญญาฯ คือการหลักการการปรึกษาหารือ (consultation) ซึ่ง
หมายถึงการได้มีการปรึกษาหารือในทุกส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะภาครัฐ นายจ้าง และคนงาน ซึ่งในร่างพรบ.การคุ้มครองแรงงานในงานประมง ไม่ได้ปรากฎในส่วนนี้อย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบของคณะกรรมการที่ควรบัญญัติไว้ในร่างพรบ.การคุ้มครองแรงงานในงานประมง หรือการมีกลไกในการปรึกษาหารืออื่นใด นอกจากนั้นแล้วในระยะยาวกลไกการปรึกษาหารือดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนากระบวนการคุ้มครองแรงงานประมง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง

จากประเด็นข้อสังเกตและข้อกังวลทั้ง สี่ข้อข้างต้นนั้น เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (MWG) จึงขอเสนอให้รัฐบาล สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กระทรวงแรงงาน รวมทั้งทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองแรงงานในงานประมง รวมทั้งการแก้ไขกฎหมาย กฎกระทรวง ประกาศในกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จะต้องคำนึงถึงหลักการและบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ และคำนึงถึงกลไกการปรึกษาหารือกันอย่างจริงจังในกระบวนการออกกฎหมายในทุกระดับ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามหลักการสำคัญของอนุสัญญาฯ ที่ประเทศไทยได้ให้สัตยาบัน และเพื่อนำไปสู่การคุ้มครองแรงงานประมงอย่างแท้จริง

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this