อาเซอร์ไบจาน โอกาสใหม่ของเกษตรปลอดสารพิษ

Published on

ได้มีโอกาสไปเยือน “อาเซอร์ไบจาน” ชื่อนี้หลายคนอาจจะงุนงงสงสัยว่าคืออะไร? อาเซอร์ไบจาน คือประเทศหนึ่งซึ่งอยู่แถวเทือกเขาคอเคซัส เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างยุโรปตะวันออกกับเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ทิศเหนือติดกับประเทศรัสเซีย ทิศใต้ติดกับอิหร่าน ทิศตะวันตกติดกับอาร์มีเนีย ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับจอร์เจีย ด้านทิศตะวันออกก็ประชิดติดกับทะเลสาบแคสเปียน ในอดีตอาเซอร์ไบจานเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต

ระยะเวลาการเดินทางโดยรวมก็ใช้ประมาณ 12 ชั่วโมง โดยจะต้องไปแวะต่อเครื่องที่ประเทศดูไบประมาณ 2-3 ชั่วโมง ประชากรที่นี่ก็มิได้หนาแน่นมากนักประมาณ 9 ล้านกว่าคน อยู่กันแบบสบายๆ ไม่แออัด พืชผักผลไม้ก็จะนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งดูโดยรวมแล้วก็ยังไม่มีความหลากหลาย อาหารการกินของที่นี่ก็จะเป็นพวกโยเกิร์ต เนื้อแกะ ปลา ข้าว และอื่นๆ ถึงแม้ว่าในทุกมื้อชาวอาเซอร์ไบจานจะให้ความสำคัญกับขนมปัง แต่เมื่อไปทานข้าวนอกบ้านก็จะเห็นว่ามีการสั่งข้าวมาด้วยเกือบทุกมื้อ นั่นแสดงว่าที่นี่ก็ยังให้ความนิยมในเรื่องของการบริโภคข้าวอยู่ด้วยเช่นเดียวกับคนไทย เท่าที่ทราบผักผลไม้ส่วนใหญ่จะนำเข้าผ่านทางประเทศอิหร่านที่อยู่ทางตอนใต้ และพวกหัวหอม มะเขือเทศก็จะมีนำเข้าจากทางประเทศตุรกีบ้างเล็กน้อย

จากการได้ไปเยือนและท่องเที่ยวประเทศอาเซอร์ไบจาน ทำให้มองหาช่องทางและโอกาสในตลาดค้าส่งผักและผลไม้จากประเทศไทย เนื่องด้วยความหลากหลายในเรื่องอาหารการกินของเขายังแพ้บ้านเราอยู่มาก อาจจะเนื่องด้วยผืนดินของเขาเต็มไปด้วยน้ำมันชั้นดี จึงทำให้การเพาะปลูกพืชผักผลไม้ของที่นี่ค่อนข้างแย่มากๆ จะต้องมีการนำดินจากต่างประเทศเข้ามาเพาะปลูก หรือถ้าจะปลูกให้ได้ก็ต้องปรับปรุงบำรุงดินขนานใหญ่กันเลยทีเดียว เนื่องด้วยด้านล่างลึกลงไปนั้นเต็มไปด้วยน้ำมัน ไม่ว่าจะเดินทางไปทั่วทุกแห่งหน ก็สามารถจะประสบพบเจอแท่นขุดเจาะน้ำมันได้ทุกทีเต็มไปหมด และก็มีแท่นขุดเจาะน้ำมันโบราณแห่งแรกของโลกเราอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามทริปนี้ก็ต้องขอขอบคุณท่านอาจารย์นิติภูมิธณัฐ  มิ่งรุจิราลัย ที่มองเห็นการณ์ไกลในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในอนาคต เพื่อสร้างโอกาสเปิดตลาดสินค้าภาคการเกษตร และรวมถึงสินค้าอื่นๆ ในประเทศเข้าไปยังประเทศแถบยุโรปและเอเชียตะวันออกเหล่านี้ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝั่งอาเซอร์ไบจาน ก็ให้การต้อนรับทีมงานเราอย่างดีเยี่ยมแบบวีไอพี และยังมีความสนใจให้นำสินค้าจากประเทศไทยของเราไปยังบ้านเมืองเขา โดยยินดีเปิดสถานที่ให้เรานำสินค้าไปจัดจำหน่ายได้ฟรี โดยไม่คิดค่าเช่า ซึ่งได้แต่หวังว่าเมื่อรัฐบาลของไทยมีความพร้อมในหลายๆ ด้าน ประเทศไทยเราก็สามารถที่จะเจรจาค้าขาย ระบายสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะภาคการเกษตรไปยังประเทศเหล่านี้ได้อีกมากมาย โดยที่จะเรียกได้ว่าประเทศเล็กๆ  อย่างเราอาจจะมีไม่พอขายกันเลยทีเดียวเชียวละครับ

ทั้งหมดทั้งปวงนี้ก็อยากให้พี่น้องเกษตรกรไทยตื่นตัว และให้ความสำคัญกับอาชีพ สร้างความแตกต่างให้กับสินค้าภาคการเกษตรของเรา โดยการตั้งใจทำเกษตรกรรมในรูปแบบที่ปลอดภัยไร้สารพิษ ให้มีความชำนาญยิ่งๆ ขึ้นไป ให้พร้อมรองรับความต้องการของตลาดโลกที่กำลังขยายตัวในทุกๆวัน

สนับสนุนบทความโดยนายมนตรี บุญจรัส

กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this