หยุดพฤติกรรม “เนือยนิ่ง”หนุนแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกาย

Published on

รัฐบาลเปิดแผนยุทธศาสตร์ชาติส่งเสริมกิจกรรมทางกายคนไทยในชีวิตประจำวัน ลดพฤติกรรมเนือยนิ่งครอบคลุมทุกช่วงวัย ทุกสถานที่ พบคนไทย 1 ใน 3 มีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ เสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยมีพฤติกรรมเนือยนิ่งเฉลี่ยสูงถึง 14 ชั่วโมง/วัน

เมื่อไม่นานมานี้ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมเปิดตัวแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ.2561-2573 เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีกิจกรรมทางกายในวิถีชีวิตประจำวัน ลดพฤติกรรมเนือยนิ่งที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง

นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นผู้นำการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในระดับโลก และนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย จึงเป็นที่มาของแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ฉบับที่ 1 จากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อให้เกิดกิจกรรมทางกายอย่างเป็นวิถีชีวิตประจำวันในทุกกลุ่มวัย เนื่องจากคนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ถึงร้อยละ 71 ของการเสียชีวิตทั้งหมด สาเหตุหนึ่งมาจากการมีกิจกรรมทางกายที่ไม่เพียงพอ ถึง 1 ใน 3 ของคนไทยทั้งประเทศ

ซึ่งคนไทยโดยเฉลี่ยมีพฤติกรรมเนือยนิ่งที่ไม่รวมการนอนสูงถึงเกือบ 14 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นหากส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมทางกายอย่างจริงจังจะช่วยลดความสูญเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ถึง 11,129 รายต่อปี และลดต้นทุนค่ารักษาพยาบาลได้ถึง 5,977 ล้านบาท

  1. นพ.วชิระ กล่าวว่า สำหรับแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ. 2561-2573  ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การส่งเสริมกิจกรรมทางกายประชาชนทุกกลุ่มวัย
  2. การส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย ซึ่งครอบคลุมสถานที่ที่ประชาชนแต่ละกลุ่มวัยใช้ชีวิตประจำวัน เช่น สถานที่ทำงาน สถานประกอบการ สถานบริการสุขภาพ ชุมชน รวมถึงระบบการขนส่งที่เอื้อให้เกิดการมีกิจกรรมทางกายที่เพิ่มขึ้น
  3. การพัฒนาระบบสนับสนุนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย อันได้แก่ การสร้างองค์ความรู้การวิจัย ระบบเฝ้าระวังการมีกิจกรรมทางกาย การสื่อสารรณรงค์ และนโยบายส่งเสริม จากนี้ไปจะเข้าสู่การขับเคลื่อนแผน ฯ ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า  สสส. มุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี หนึ่งในนั้นคือ การส่งเสริมให้คนไทยในแต่ละกลุ่มวัยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ หรือส่งเสริมการขยับเคลื่อนไหวร่างกายในชีวิตประจำวัน พร้อมกับส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย ซึ่งกลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มที่ควรเฝ้าจับตาเพราะเป็นกลุ่มที่มีกิจกรรมทางกายน้อยที่สุด โดยวัยเด็กและเยาวชนมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ อย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน เพียงร้อยละ27 เท่านั้น ขณะที่กลุ่มวัยผู้ใหญ่ มีกิจกรรมทางกายเพียงพออยู่ที่ ร้อยละ71 และผู้สูงอายุ อยู่ที่ร้อยละ 70

ดร.สุปรีดา กล่าวว่า การส่งเสริมให้เกิดการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอในแต่ละช่วงวัย สสส.จึงทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งในมิติช่วงวัยและมิติเชิงพื้นที่ อาทิ ในกลุ่มวัยเรียน ได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในชั่วโมงลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเดินทางมาโรงเรียนด้วยการใช้การเดิน การขี่จักรยาน ในกลุ่มวัยทำงาน ได้เกิดองค์กรส่งเสริมสุขภาพ รวมถึงการทำงานระดับพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่องค์กรปกครองท้องถิ่น 2,000 แห่ง พร้อมกับส่งเสริมการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักในสังคม อาทิ การสื่อสารความรู้เรื่องการมีกิจกรรมทางกายที่ถูกวิธีผ่านการเดินวิ่งเพื่อสุขภาพ การพัฒนาชุดความรู้ แนวทางการสนับสนุนต้นแบบสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกาย ซึ่งสสส.ยินดีให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ตามแผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย ฯ ฉบับที่ 1 อย่างเต็มที่

นายธนา ยันตรโกวิท รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า การจะส่งเสริมให้ประชาชนไทยมีกิจกรรมทางกายในชีวิตประจำวัน จำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมในชุมชนให้เอื้อต่อการขยับเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น การจัดสรรพื้นที่ทางเดินเท้า ทางจักรยาน สวนสาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รวมถึงการวางผังเมืองให้เอื้อต่อการเดิน หรือการใช้บริการขนส่งสาธารณะแทนรถส่วนตัว รวมทั้งส่งเสริมการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้ประชาชนทุกกลุ่มวัย เช่น งานเดินวิ่งปั่นเพื่อสุขภาพ งานประเพณี ชมรมออกกำลังกาย ชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ เป็นตัวเชื่อมร้อยสังคมเข้าด้วยกัน โดยกระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

นายวัฒนาพร ระงับทุกข์ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การมีกิจกรรมทางกาย ส่งผลดีต่อการเรียนรู้ และการพัฒนาทั้งด้านร่างกายและสมองของเด็กนักเรียน นักศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดให้มีหลักสูตรพลศึกษาเพื่อให้เด็กได้มีการเคลื่อนไหวร่างกาย รวมถึงชั่วโมงเรียนเกษตร ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด กิจกรรมนอกหลักสูตร เช่น ชมรมออกกำลังกาย ดนตรี การส่งเสริมให้มีการเรียนนอกห้องเรียน เช่น ในวิชาวิทยาศาสตร์ หรือทัศนศึกษานอกสถานที่ กิจกรรมจิตอาสา การดูแลรักษาความสะอาดในโรงเรียน รวมถึงการสนับสนุนให้นักเรียนเดินทางมาโรงเรียนด้วยตนเอง โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี

นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า การมีกิจกรรมทางกาย ช่วยทำให้ประชาชนวัยทำงานมีร่างกายที่แข็งแรง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน กระทรวงแรงงานได้ส่งเสริมให้มีกิจกรรมออกกำลังกายในสถานที่ทำงาน โดยสนับสนุนให้มีการจัดสวนหย่อม ทางเดินวิ่ง อุปกรณ์ออกกำลังกาย มีชมรมแอโรบิก จัดงานแข่งขันนับจำนวนก้าวในสถานที่ทำงาน รวมถึงสนับสนุนการใช้บันไดแทนลิฟต์ การลุกยืนขยับร่างกายบ่อยๆ ระหว่างการนั่งทำงาน ซึ่งได้รับการตอบรับนโยบายจากสถานประกอบการต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this