ไขปัญหา (หลอดเลือด) หัวใจ (ตีบ) รู้อาการ รู้ปัจจัย ป้องกันไว้ ก่อนสาย!!

Published on

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือเรียกว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นโรคที่พบบ่อยมากในปัจจุบัน สาเหตุเกิดจากการมีภาวะแข็งตัวของผนังหลอดเลือดแดงจากการสะสมของไขมันเกาะตามผนังหลอดเลือดแดงหัวใจ ทำให้หลอดเลือดแข็งตัวและตีบแคบลง ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้น้อยลง โดยอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบนั้น บางรายอาจไม่พบอาการอะไรเลย แต่โดยทั่วไปจะพบว่ามีอาการเจ็บแน่นหน้าอก (angina) และอาจเจ็บลามไปขากรรไกรหรือไหล่ซ้าย มักเป็นมากขณะออกกำลังกายหรือทำงาน อาจเจ็บครั้งละ 2-3 นาที ความรุนแรงแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย เช่น เจ็บกลางหน้าอกบริเวณเหนือลิ้นปี่ เจ็บแบบจุกแน่นคล้ายมีอะไรมาบีบหรือกดทับไว้ หายใจไม่สะดวก เหนื่อยง่าย หากเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Heart Attack) อาจทำให้เสียชีวิตกะทันหัน เช่น เล่นกีฬาแล้วเสียชีวิต เป็นต้น เราสามารถสังเกตปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้ จากข้อมูลดีๆ โดย ทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ดังนี้

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ มี 2 ปัจจัย คือ 1.ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ คือ เพศชายมีความเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ อายุมากขึ้น และ 2. ปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกกำลังกาย ไลฟ์สไตล์แบบนั่งอยู่กับที่ (Sedentary Lifestyle) ซึ่งเราสามารถรักษาได้โดยใช้กระบวนการทาง Cath Lab หรือห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ ซึ่งเป็นทางเลือกของการตรวจรักษาหัวใจแบบไม่ผ่าตัด โดยห้องปฏิบัติการสวนหัวใจ หรือห้องปฏิบัติการสำหรับการตรวจหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ (Cardiac Catheterization : Cath Lab) เป็นการตรวจวินิจฉัยที่ได้มาตรฐาน ให้ผลแม่นยำสำหรับโรคหลอดเลือดหัวใจ

จุดเด่นของการสวนหัวใจคือ สามารถรักษาควบคู่กับการตรวจวินิจฉัย ไม่ต้องทำผ่าตัดใหญ่ ขนาดแผลเล็ก เจ็บตัวน้อย นอนโรงพยาบาลระยะสั้น ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว มีความเสี่ยงน้อย โดยก่อนทำการสวนหัวใจแพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะจุด แล้วใส่สายสวนขนาดเล็กผ่านทางหลอดเลือดแดงบริเวณขาหนีบไปยังหลอดเลือดหัวใจ สามารถทราบผลการวินิจฉัยทันทีหลังการตรวจ ถ้าตรวจพบว่ามีการตีบตันของหลอดเลือดหัวใจ แพทย์สามารถให้การรักษาโดยขยายหลอดเลือดควบคู่ได้เลยหลังจากตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจเสร็จแล้ว

ดังนั้น หากมีอาการเจ็บหน้าอก และสงสัยว่าเป็นอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แพทย์จะตรวจเบื้องต้นถึงโอกาสเกิดหลอดเลือดหัวใจตีบตันจากอาการเจ็บหน้าอกว่าใช่หรือไม่ และมีความรุนแรงเพียงใด แล้วตรวจเพิ่มเติมด้วยการทำเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเลือด วิ่งสายพาน และอัลตร้าซาวด์หัวใจ เมื่อผลการตรวจมีข้อบ่งชี้ของหลอดเลือดหัวใจตีบตัน จึงวินิจฉัยขั้นสุดท้ายด้วยการตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ เพื่อวางแผนการรักษาขั้นต่อไป

เพียงเท่านี้ เราก็สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นของการเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ หรือสามารถขอคำปรึกษาได้จากทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด (โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ (จังหวัดสมุทรปราการ) โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ (จังหวัดนครสวรรค์) โรงพยาบาลพิษณุเวช (จังหวัดพิษณุโลก) และโรงพยาบาลสหเวช (จังหวัดพิจิตร)) และสามารถติดตามสาระดีๆ เกี่ยวกับการแพทย์ได้ที่ www.princhealth.com

Latest articles

คู่มือเดินทางฉบับย่อ! สิงคโปร์มีอะไรน่าสนใจในเดือนตุลาคมนี้บ้าง

คู่มือเดินทางฉบับย่อ! สิงคโปร์มีอะไรน่าสนใจในเดือนตุลาคมนี้บ้าง รวมทุกกิจกรรมแนะนำที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้

“เชียงใหม่ Organic Route @บ่อแก้ว” เส้นทางท่องเที่ยวรักษ์โลก 2 รางวัลกินรี จาก ททท.

บ้านบ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ พื้นที่บนภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีสภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ที่นี่จึงเป็นแหล่งปลูกสตรอเบอร์รี่ขนาดใหญ่ รวมทั้งพืชผักและผลไม้เมืองหนาว อีกทั้งยังเป็นแหล่งปลูกกาแฟคุณภาพดี รวมทั้งนาขั้นบันไดที่กำลังทอความเขียวสดอยู่ตามไหล่เขา

At the Heart of Faith ภาพสะท้อนของชุมชนชาวอินเดียในกรุงเทพฯ โดย ‘สมัชชา อภัยสุวรรณ’

ออกเดินทางตามหาภาพถ่ายของ 'สมัชชา อภัยสุวรรณ' ศิลปินและช่างภาพอิสระที่หลงรักการถ่ายภาพสารคดีเป็นชีวิตจิตใจ ภาพใบหน้าของผู้คน วิถีชีวิตอันเปี่ยมด้วยสีสัน จนถึงพระอารามแห่งจิตวิญญาณ ที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกซอยเล็ก ๆ ใน Little India ที่เปรียบเสมือนจิกซอว์ที่เชื่อมต่อจิตวิญญาณแห่งอินเดีย....จากภารตะสู่สยามประเทศ

ธ.ก.ส. เปิดตัวเงินฝากทองนพคุณ รับดอกเบี้ยขั้นบันไดทุกเดือน สูงสุดร้อยละ 2.15 ต่อปี

ธ.ก.ส. เปิดตัว "เงินฝากทองนพคุณ” ฝากขั้นต่ำครั้งละ 10,000 บาท วงเงินฝากรวมสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย รับดอกเบี้ยทุกเดือนแบบขั้นบันได สูงสุดถึงร้อยละ 2.15 ต่อปี

More like this