รวมพลังตามรอยพ่อฯ ปี 6 ผนึกกำลัง‘คนมีใจ’ แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี

Published on

หากยักษ์จับมือกับโจร จะเกิดอะไรขึ้น นิทานเรื่องนี้คงไม่น่าติดตามมากนัก แต่นี่คือการจับมือกันของยักษ์กับโจนที่สร้างสังคมแห่งความสุข โดยมีแรงหนุนจากหลายฝ่าย นับเป็นการรวมตัวของคนมีใจ ที่กำลังจะขยายผลต่อไป ตามรอยเท้าของพ่อแห่งแผ่นดิน เพื่อความยั่งยืนของสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

เราอยู่กันที่ “ฐานธรรมธุรกิจ” อ่านตรงตัวว่า “ทำธุรกิจ” แต่ความหมายลึกซึ้งตามที่เข้าใจกันได้ง่ายๆ ว่า นี่คือแนวทางของธุรกิจที่เป็นธรรมกับคน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ย่านพระราม 9 กรุงเทพฯ เป็นทั้งศูนย์เรียนรู้ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชา และตลาดนัดธรรมชาติ ซึ่งเป็นตลาดกลางกระจายสินค้าของเครือข่ายทั่วประเทศ ในราคาเป็นธรรมต่อผู้ซื้อและผู้ผลิต เปิดโอกาสให้คนเมืองได้เข้ามาจับจ่ายสินค้าด้านการเกษตร

ผู้ที่เข้ามาร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้และลงมือทำด้วยตัวเอง ตั้งแต่การปลูกผักอย่างง่ายๆ ในคอนโดมิเนียมหรือสวนผักหน้าบ้าน สอนเพาะเมล็ดพันธุ์กล้าไม้และทำแปลงผักในภาชนะต่างๆ ที่ดูแล้วน่ารักน่าชัง รวมไปเรียนรู้การปรุงดิน ทำปุ๋ย และสร้างโมเดล โคก หนอง นา ขนาดเล็กในพื้นที่ให้เป็นตัวอย่างสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด ทั้งนี้มีแกนนำที่สำคัญอย่าง อ.ยักษ์ (ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร) และพี่โจน (โจน จันใด) จึงเรียกได้ว่าเป็นการจับมือของยักษ์กับโจนนั่นเอง

การมาครั้งนี้เราได้เข้าร่วมการเปิดตัวโครงการ “พลังคนสร้างสรรค์โลก รวมพลังตามรอยพ่อของแผ่นดิน” ซึ่งจัดมาเป็นปีที่ 6 โดย บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมกับ สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ที่ยังคงขับเคลื่อนตามแนวคิด  “แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี” ด้วยการส่งต่อแรงบันดาลใจผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จของผู้นำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมตามสภาพภูมิสังคม พร้อมขยายผลสำเร็จของโครงการฯ จากลุ่มน้ำป่าสักสู่ลุ่มน้ำอื่นๆ ครอบคลุม 25 ลุ่มน้ำทั่วประเทศไทย สู่การแก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างยั่งยืน

“โครงการฯ นี้ ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จนเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมของคนที่นำแนวทางศาสตร์พระราชาไปลงมือปฏิบัติ ส่งผลให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนสามารถพึ่งพาตนเองได้ นั่นนับเป็นผลสำเร็จของโครงการฯ  ส่วนแนวทางการขับเคลื่อน  คือการสร้างและพัฒนาคนให้มีคุณภาพมีองค์ความรู้เป็น ‘คนมีใจ’ ที่เมื่อรวมตัวกันก็จะเป็น ‘เครือข่ายที่เข้มแข็ง’ นำไปสู่การสร้าง ‘ศูนย์เรียนรู้’ เพื่อเป็นแหล่งเผยแพร่องค์ความรู้ศาสตร์พระราชาสู่การลงมือปฏิบัติ สร้างคนมีใจต่อไปไม่สิ้นสุด จนบรรลุผล หยุดท่วม-หยุดแล้งอย่างยั่งยืนตามเป้าหมาย ซึ่งโครงการฯ ในปัจจุบันได้ขยายผลออกไปถึง 24 ลุ่มน้ำแล้ว” ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว

สำหรับโครงการในปีนี้เป็นปีสุดท้ายของระยะที่ 2 คือ การขยายผลในระดับทวีคูณ หรือ แตกตัว เพื่อสร้างคน สร้างครู สร้างเครื่องมือยกระดับศูนย์เรียนรู้สู่การศึกษาตลอดชีวิต (บ้าน วัด โรงเรียน) โครงการฯ จึงยังคงดำเนินงานต่อเนื่องด้วยแนวคิด ‘แตกตัวทั่วไทย เอามื้อสามัคคี’ เพื่อชี้ให้เห็นตัวอย่างการ ‘แตกตัว’ ขยายผลจากลุ่มน้ำป่าสักไปยังลุ่มน้ำอื่นๆ โดยนำกลยุทธ์การ ‘เอามื้อสามัคคี’ หรือ การลงแขกตามประเพณีดั้งเดิมของคนไทยมาเป็นกลวิธีในการขับเคลื่อน เพื่อประสานความสามัคคีเชื่อมโยงและขยายเครือข่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้น ยังเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ในสภาพภูมิสังคมที่แตกต่างกัน โดยในปีหน้าที่จะผลักดันให้ไปสู่การขับเคลื่อนในระดับนโยบาย สู่เป้าหมายการขยายผลจากลุ่มน้ำป่าสักครอบคลุม 25 ลุ่มน้ำทั่วในประเทศไทย

“เชฟรอนให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 แล้ว เนื่องจากตรงกับแนวคิดการทำโครงการเพื่อสังคมของเรา ที่มุ่งเน้นการสร้างคน องค์ความรู้ และจิตสำนึก ส่วนใหญ่จึงทำกันในระยะยาว โครงการนี้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) และสอดคล้องกับนโยบายเพื่อสังคมทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านการศึกษา ด้วยการเผยแพร่องค์ความรู้ศาสตร์พระราชาสู่การลงมือปฏิบัติ ด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต ที่ช่วยสร้างชุมชนเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นั่นคือการฟื้นฟู ดิน น้ำ ป่า และด้านการส่งเสริมให้พนักงานมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม ซึ่งพนักงานเราได้เข้าร่วมกิจกรรมในทุกๆ ปีเป็นจำนวนหลายร้อยคน เหนือสิ่งอื่นใดคือความมุ่งมั่นในการสืบสานพระราชปณิธานต่อไป” นายอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด แกนนำภาคเอกชน กล่าว

“ตามแนวคิดของปีนี้ โครงการฯ จึงกระจายตัวจัดกิจกรรมใน 4 พื้นที่ คือ กรุงเทพฯ จันทบุรี สระบุรี และน่าน โดยนำเสนอผ่าน ‘คนต้นแบบ’ ที่ใช้ศาสตร์พระราชาแก้ปัญหาในพื้นที่ของตนเองจนประสบความสำเร็จ เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจแก่คนรุ่นต่อๆ ไป” นายอาทิตย์ กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ โครงการฯ เริ่มกิจกรรมแรกที่ฐานธรรมธุรกิจ พระราม 9 กรุงเทพฯ เพื่อสร้างศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พระราชากลางเมืองหลวง ก่อนเดินทางไปอีก 3 แห่งในพื้นที่โครงการตามพระราชดำริฯ ได้แก่ จ.สระบุรี ซึ่งอยู่ใน ลุ่มน้ำป่าสัก อันเป็นลุ่มที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงห่วงใย เพราะมีความลาดชันสูงทำให้จัดการได้ยากที่สุด และเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ ถัดมาที่ อ.ท่าใหม่ จ. จันทบุรี   ด้วยแรงบันดาลใจจากพระราชกรณียกิจของสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่ทรงห่วงใยประชาชนในจันทบุรีจากภัยแล้งและขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค และกิจกรรมสุดท้ายที่ จ. น่าน ในลุ่มน้ำน่าน ด้วยแรงบันดาลใจจากโครงการในพระราชดำริหลายโครงการของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องด้วยทรงเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าไม้ให้คืนสู่สมดุลโดยเร็วที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของพื้นที่ป่าไม้ในจังหวัดน่านอย่างยั่งยืน

“การออกแบบในแต่ละพื้นที่ต้องคำนึงถึงหลักภูมิสังคม คือ ตามลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพดิน รวมไปถึงความต้องการ กำลังทุนทรัพย์และกำลังกายของเจ้าของพื้นที่ กิจกรรมแรกที่กรุงเทพฯ ซึ่งกำหนดให้เป็นศูนย์เรียนรู้ฯ กลางเมืองหลวง จึงมีการออกแบบหลักสูตรการอบรมและกิจกรรมให้เหมาะกับวิถีชีวิตของคนเมืองที่มีพื้นที่น้อยและมีเวลาน้อย” ผศ.พิเชฐ โสวิทยสกุล รักษาการผู้อำนวยการศูนย์บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อการแก้ไขปัญหาประเทศ สจล.  หนึ่งในภาคีเครือข่ายภาควิชาการ กล่าว

ขณะที่พื้นที่ จ.จันทบุรี เป็นเมืองแห่งผลไม้ที่ต้องต่อสู้อย่างหนักกับเรื่องการใช้สารเคมี และการขาดแคลนน้ำ โครงการฯ จะนำองค์ความรู้ในการทำเกษตรอินทรีย์ไปเผยแพร่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับทั้งผู้ปลูกและผู้กิน พร้อมกับการสร้างหลุมขนมครกเพื่อเก็บกักน้ำ

ถัดมาที่ จ.สระบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มคนเมือง 13 ราย ที่ไปรวมตัวกันสร้างเป็นชุมชนขึ้น การออกแบบจึงไม่ใช่แปลงใครแปลงมัน แต่ออกแบบเป็นภาพรวมของชุมชนกสิกรรมวิถี เป็นตัวอย่างของการเกื้อกูลพึ่งพา และร่วมพัฒนาเกษตรตามศาสตร์พระราชาไปด้วยกัน

พื้นที่สุดท้ายคือ จ.น่าน เป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติ แนวคิดหลัก คือการสร้าง       หลุมขนมครกบนพื้นที่สูงในพื้นที่จำกัด เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนกับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน และเปลี่ยนผู้บุกรุกเป็น  ผู้พิทักษ์ป่า

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ทาง www.facebook.com/ajourneyinspiredbytheking

 

ฐานธรรมพระราม 9 อยู่พระราม 9  (รร.ชาญวิทย์เดิม) หากมาจากพระราม 9 ผ่านซอย 15 ก่อนถึงซอย 17 จะมองเห็นฐานธรรมธุรกิจอยู่ด้านซ้าย (เข้าซอยเล็กน้อยประมาณ 50 เมตร) มีที่จอดรถ เปิดให้เข้าชม จับจ่ายสินค้าเกษตร และเรียนรู้ฟรี ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น. เข้าชมรายละเอียดและติดตามกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/Thamturakit/

 

 

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this