DKSH ทุ่ม 200 ล้าน สร้างแล็บวิทย์-ศูนย์สอบเทียบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

22

“ดีเคเอสเอช ไซแอนทิฟิค” ภายใต้ “ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี” ทุ่มกว่า 200 ล้านบาท เปิดตัว DKSH DEMONSTRATION LABORATORY ศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์” และ “ศูนย์สอบเทียบ” ที่ครบครันและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หนุนผู้นำการวิจัยและพัฒนา และศูนย์กลางของวิทยาศาสตร์ของทวีปเอเชียตามนโยบายของรัฐ

โอลิเวอร์ แฮมเมล รองประธาน บริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมากว่า 3 ปี เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาวัคซีนในหลากหลายแขนงไม่แพ้ชาติใดในโลก ไม่ว่าจะเป็นด้าน ฐานการผลิต ตลอดจนระบบโซลูชันในการบริหารจัดการวัคซีน โดยความเชี่ยวชาญนี้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของเอเชีย

โอลิเวอร์ แฮมเมล

ดีเคเอเอสเอช ไซแอนทิฟิค ในฐานะหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนภารกิจการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนารถตรวจเชื้อเคลื่อนที่ โซลูชันในการฆ่าเชื้อบนพื้นผิวต่าง ๆ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการวิจัยพัฒนาและการผลิต อีกทั้ง ดีเคเอสเอช ยังมีรากฐานทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียที่ยาวนานและยั่งยืนกว่า 150 ปี ด้วยศักยภาพเหล่านี้

เราจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางค้นคว้าวิจัยและพัฒนาและเป็นศูนย์กลางของวิทยาศาสตร์ของเอเชียให้ได้ ด้วยการลงทุนสร้าง  DKSH DEMONSTRATION LABORATORY  “ศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์” และ “ศูนย์สอบเทียบ”  ใจกลางเมืองบนถนนสุขุมวิท บนเนื้อที่กว่า 2,260 ตร.ม. ที่ครบครันและใหญ่ที่สุดในไทย ณ DKSH สำนักงานใหญ่ อาคารแฟนทรี 1 ถนนสุขุมวิท ภายใต้งบประมาณ 200 ล้านบาท

ทั้งนี้ ดีเคเอสเอช ไซแอนทิฟิค (DKSH Scientific)   เป็นหน่วยธุรกิจภายใต้ บริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด มีความมั่นใจว่า องค์กรมีความสามารถในการต่อยอดศักยภาพของประเทศไทยในการก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางของงานค้นคว้าวิจัยและพัฒนา (Research and Development – R&D) ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะด้านวัคซีนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้าน อุตสาหกรรมอาหาร ยา เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และ สินค้าอุปโภคบริโภค

ภายในแล็บฯ มีเครื่องมือให้ทดสอบมากกว่า 50 เครื่อง ทีมช่างผู้ชำนาญการและผู้เชียวชาญผลิตภัณฑ์ให้คำปรึกษากว่า 190 คน ครอบคลุมงานบริการด้านวิทยาศาสตร์การค้นคว้าวิจัยและพัฒนา 4 กลุ่มงาน ได้แก่ General Laboratory Equipment กลุ่มเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทั่วไปประจำห้องปฎิบัติการ Analytical Instrumentation กลุ่มเครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์ด้านกายภาพ และการทดสอบขั้นสูง Life Science กลุ่มเครื่องมือวิเคราะห์ด้านชีววิทยา เครื่องมือแพทย์ และสุดท้าย Microbiology ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องมือเพื่อการวิเคราะห์ทางจุลชีววิทยา

นอกจากนี้ยังมีศูนย์ปฏิบัติการ Calibration Lab ที่ให้บริการสอบเทียบมาตรฐาน ISO/IEC 17025 โดยทุกหน่วยงานมาพร้อมบริการหลังการขาย อีกทั้งยังมีบริการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงมีโปรแกรมพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เพื่อก้าวสู่บริษัทอันดับ 1 ของผู้ให้บริการและโซลูชั่นที่ครบวงจรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านวิทยาศาสตร์ชั้นนำของไทย

นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าภาครัฐยังได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาในประเทศเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (Technology Management Center – TMC) และ ศูนย์วิจัยแห่งชาติ 5 แห่ง ได้แก่ BIOTEC, MTEC, NECTEC, NANOTEC, ENTEC, สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) และอีกหลากหลายหน่วยงานทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน

ซึ่งสอดคล้องกับภาคเอกชนอย่าง ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี ที่ได้จัดสร้าง DKSH DEMONSTRATION LABORATORY ศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์” และ “ศูนย์สอบเทียบ” ขึ้น เพราะมั่นใจว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางของวิทยาศาสตร์การวิจัยเทคโนโลยีและพัฒนานวัตกรรมของเอเชียได้

สมชัย ชาครศิริ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสินค้าอุปโภคบริโภคหลายแบรนด์ องค์กรธุรกิจชั้นนำของไทยต่างไว้วางใจเลือกเราเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น อาหาร ยา เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์ สินค้าทางการเกษตร ฯลฯ

ซึ่งในขั้นตอนควบคุมคุณภาพจะต้องอาศัยอุปกรณ์และเครื่องมือวิเคราะห์ด้านวิทยาศาสตร์ที่แม่นยำ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในการดำเนินการทดสอบคุณภาพของสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ หน้าที่ของเราคือการจัดหาเจ้าหน้าที่ช่วยวิเคราะห์และจัดหาเครื่องมือที่เหมาะสมตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการทางการตลาดของลูกค้า

ทางด้านภาคการศึกษา ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี ตั้งเป้าร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยหลากหลายสถาบันทั่วทุกภูมิภาคในการร่วมพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะด้านวิทยาศาสตร์ เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เข้ามาฝึกงานในศูนย์ปฏิบัติการ ตลอดจนการส่งตัวอย่างงานพัฒนาและวิจัยมาที่ศูนย์วิจัย

โดย ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี ได้จัดให้มีการจัดสัมมนาโดยผู้เชี่ยวชาญทั้งชาวไทยและต่างประเทศสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาร่วมกระจายความรู้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฮับของงานวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยที่ผ่านมา ได้จัดงานไปแล้วจำนวนกว่า 50 งานสัมมนา เจาะลึกการใช้งานเครื่อง Auto Colony Counter, การบดตัวอย่างสำหรับการวิเคราะห์ และ Pesticide Analysis Solutions and Regulations Workshop เป็นต้น

ปัจจุบัน บริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด ภายใต้บริษัท DKSH ประเทศไทย มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% จากรายได้รวมกว่า 1 แสนล้านบาท และเป็นอีกกลุ่มธุรกิจของ DKSH ประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง

“การดำเนินธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์ของบริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด ในประเทศไทยจะอยู่ภายใต้การนำของ โอลิเวอร์ แฮมเมล ผู้ที่เคยผลักดันให้หน่วยธุรกิจเครื่องมือวิทยาศาสตร์ในประเทศจีนเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดมาก่อน โดยทางบริษัทฯ ได้มองเห็นศักยภาพด้านงานวิจัยและพัฒนาของประเทศไทยที่สามารถเติบโตสู่การเป็นฮับด้าน R&D ระดับโลกไม่แพ้ประเทศใด

โดยมั่นใจว่าหากทาง ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี ได้ทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคการศึกษา และบริษัทเอกชนชั้นนำในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องดังเช่นทุกวันนี้ ประเทศไทยจะก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ของเอเชียได้ในที่สุด” สมชัย กล่าว