“ดิจิทัลโอเชียน” เปิดตัว “แอปแพลตฟอร์ม” ช่วยให้การพัฒนาแอปบนคลาวด์

1

ดิจิทัลโอเชียน (DigitalOcean) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันยุคใหม่ เปิดตัว ดิจิทัลโอเชียนแอปแพลตฟอร์ม (DigitalOcean App Platform) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรูปแบบบริการ (PaaS – Plastform as a service) ที่ช่วยบริหารจัดการโครงสร้างแอปพลิเคชันแบบอัตโนมัติ ช่วยให้นักพัฒนานำแอปพลิเคชันที่พัฒนาเสร็จแล้วไปรันบนเครื่องจริงได้ภายในไม่กี่คลิก บริการใหม่นี้เป็นการรุกคืบของบริษัทในการให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งแบบครบวงจร เพื่อให้นักพัฒนาแอป รวมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMBs) จะได้มีเวลามากขึ้นในการสร้างสรรค์ซอฟต์แวร์เปลี่ยนแปลงโลก

อพูวาร์ โจชิ รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของดิจิทัลโอเชียน กล่าวว่า “ด้วยจำนวนธุรกิจหลายล้านรายที่เริ่มต้นบนคลาวด์ในแต่ละปี นักพัฒนาแอปจำเป็นต้องมีวิธีการที่ง่าย รวดเร็ว และย่อขยายได้ เพื่อส่งมอบแอปที่เสริมสมรรถนะแนวคิดของพวกเขา” พร้อมกับเสริมว่า “แอปแพลตฟอร์ม สร้างสรรค์จากเทคโนโลยีที่พิสูจน์แล้วของดิจิทัลโอเชียน ที่สามารถสร้างโค้ดได้อย่างง่ายดายอันเป็นเอกลักษณ์ของบริษัท จะทำให้นักพัฒนาแอปไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโครงสร้างพื้นฐานอีกต่อไป และสามารถปล่อยแอปสู่ตลาดได้เร็วขึ้น และเนื่องจากแอปแพลตฟอร์มทำงานอยู่บนดิจิทัลโอเชียน องค์กรธุรกิจต่าง ๆ สามารถรักษาต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำได้แบบง่ายดาย และใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเหมาะสม ในขณะที่ธุรกิจเติบโตขึ้น”

แอปแพลตฟอร์มจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตถึงขีดสูงสุด โดยเปิดโอกาสให้นักพัฒนาแอปเคลื่อนย้ายโค้ดจากที่เก็บใน กิตฮับ (GitHub) ได้โดยตรง และนักพัฒนาแอปยังสามารถเลือกย้ายโค้ดซ้ำอัตโนมัติเมื่อต้องมีการอัปเดต

แอปแพลตฟอร์ม ซึ่งสร้างอยู่บน คูเบอร์เนเตส (Kubernetes) ของดิจิทัลโอเชียน ช่วยสร้างขุมพลัง แอปที่สามารถขยายการรองรับการเติบโต และมีความยืดหยุ่นของ ช่วยให้ส่งมอบงานกับลูกค้าโดยปราศจากความซับซ้อน และเนื่องจากแพลตฟอร์มนี้สร้างบนมาตรฐานแบบเปิด ลูกค้าจึงสามารถมองเห็นโครงสร้างพื้นฐานได้ชัดเจนกว่าการใช้แพลตฟอร์มแบบปิดที่นิยมใช้กันทั่วไป ปัจจัยนี้ทำให้ลูกค้าเลือกได้ว่าต้องการแอปพลิเคชันขนาดใหญ่เล็กแค่ไหน ต้องการให้แอปแพลตฟอร์มช่วยบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ หรือลูกค้าต้องการเข้าไปควบคุมการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

จากรายงานของ DigitalOcean Currents ผู้ก่อตั้งธุรกิจประมาณ 65 เปอร์เซนต์ ระบุว่า ความรู้ทางเทคนิคเกี่ยวกับการบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน ถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการเข้าไปยังธุรกิจใหม่ ๆ การรับมือกับภาระหน้าที่ทั่วไปของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การจัดเตรียมและบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์ ฐานข้อมูล ระบบปฏิบัติการ ระยะเวลาดำเนินการของแอปพลิเคชัน และภาระอื่น ๆ แต่ แอปแพลตฟอร์ม บนคลาวด์ของดิจิทัลโอเชียนเข้าถึงได้ง่าย สำหรับสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ไม่มีเวลาหรือความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง

แลร์รี คาร์วาโล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย ไอดีซี กล่าวว่า “การย่นย่อเวลาในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ทำให้นักพัฒนาแอปยินดีอ้าแขนรับแพลตฟอร์มใหม่ที่สร้างบนมาตรฐานแบบเปิด” และกล่าวต่อว่า “เทคโนโลยีคลาวด์จากโอเพนซอร์สแบบคูเบอร์เนเตส กลายเป็นตัวเลือกแรกของนักพัฒนาแอปขององค์กรทุกขนาด และสำหรับสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ ปัจจัยหลักที่บริษัทพิจารณาคือ ราคา ความง่ายต่อการใช้งาน และความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะองค์กรที่ต้องการโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถทำงานเองโดยอัตโนมัติ”