บลจ.วี เปิดตัวผู้บริหาร พร้อมตั้งเป้า AUM 3 ปี 10,000 ล้านบาท

Published on

บลจ.วี เปิดตัวผู้บริหาร พร้อมตั้งเป้า AUM 3 ปี 10,000 ล้านบาท พร้อมเปิดขาย IPO กอง WE-GTECH ลงทุนหุ้นเทคทั่วโลก

“บลจ.วี เปิดตัว 3 ผู้บริหารที่เชี่ยวชาญธุรกิจกองทุนรวมมานานกว่า 20 ปี เน้นจุดยืนในการออกแบบผลิตภัณฑ์กองทุนรวมตอบโจทย์ทุกกลุ่มนักลงทุน ควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน ในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม ภายใต้แนวคิด “We design your wealth, We grow together” ตั้งเป้าผลักดัน AUM แตะ 10,000 ล้านบาท ใน 3 ปี พร้อมเปิดขาย IPO กองทุนเปิด วี โกลบอลเทคโนโลยี (WE-GTECH) วันนี้ – 7 ส.ค. ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลกที่เติบโตสูง”

“นางสาวงามนภา ธวัชโชคทวี” กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วี จำกัด (บลจ.วี) เปิดเผยว่า บลจ.วี จัดตั้งขึ้น โดยมีทีมผู้บริหารที่เชี่ยวชาญด้านตลาดเงินตลาดทุนรวมถึงผลิตภัณฑ์การลงทุน ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจกองทุนรวมและธุรกิจหลักทรัพย์มากกว่า 20 ปี ภายใต้แนวคิดการดำเนินธุรกิจ “We design your wealth, We grow together” คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่เหมาะกับนักลงทุนที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน ทั้งกลุ่มนักลงทุนทั่วไป กลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ กลุ่มนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน โดยจะนำเสนอผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่มีผลการดำเนินงานของกองทุนที่ดีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมด้วยความหลากหลายด้านนวัตกรรมทางการเงินที่สามารถสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าได้

บลจ.วี มีบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KTBST) ถือหุ้น 51% และอีก 49% ถือหุ้นโดยคณะผู้บริหาร ทั้งนี้ บลจ.วี ได้เริ่มดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา บลจ.วี ได้เสนอขายกองทุนไปแล้ว 7 กองทุน ผ่านตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุน (Selling agent) คือ KTBST ปัจจุบัน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 บลจ.วี มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (Asset Under Management : AUM ) อยู่ที่ 3,196 ล้านบาท แบ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ 88% และกองทุนรวมต่างประเทศ 12% บริษัทอยู่ในอันดับที่ 19 จาก จำนวน 23 บลจ. ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมาย

“สำหรับเป้าหมายของ บลจ.วี ในปี 2562 ตั้งเป้าขยาย AUM ให้เติบโตที่ 6,700 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบรรลุเป้าไปแล้ว 48% และตั้งเป้า AUM ที่ 10,000 ล้านบาท ใน 3 ปีข้างหน้า โดยจะเติบโต 20% และ 50% ในปี 2563 และ ปี 2564 ตามลำดับ” นางสาวงามนภา กล่าว

ด้าน “นายอิศรา พุฒตาลศรี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน “บลจ.วี” กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีกองทุนรวมที่หลากหลายและมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกัน กลยุทธ์หลักที่ บลจ. วี ยึดมั่นและดำเนินมาตั้งแต่เริ่มจัดตั้ง คือ การสร้างผลตอบแทนที่ดีควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม

บลจ.วี มีปรัชญาในการบริหารการลงทุน 4 ข้อ คือ 1.) การบริหารการลงทุนแบบ Top Down และ Bottom up 2.) การกำหนดกลยุทธ์เพื่อกระจายความเสี่ยงในแต่ละประเภทสินทรัพย์ (Strategic and Tactical Asset Allocation) 3.) ยึดหลักการบริหารงานเป็นทีม (Team Approach) โดยมีคณะกรรมการการลงทุน (Investment Committee) เป็นศูนย์กลางการบริหารการลงทุน และมีคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee) ในการตรวจสอบกลยุทธ์การลงทุน และ 4.) การมีวินัยในการลงทุน และ ผู้จัดการกองทุนยึดหลักความรอบคอบระมัดระวัง (Disciplined & Prudence) เน้นที่วัตถุประสงค์การลงทุนที่ชัดเจน และมีระบบในการตรวจสอบอย่างสม่ำเสนอ

“จุดเด่นของ บลจ. วี ที่ทำให้สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้ คือ เรายึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และมองการเติบโต ไปพร้อมกับลูกค้า ซึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงต้องอาศัยประสบการณ์และวินัยในการลงทุนซึ่งทีมงานของ บลจ.วี มีความพร้อมในส่วนนี้ เนื่องจากเราผ่านวัฏจักรตลาดทุนมาแล้วทุกรูปแบบ และการเป็นบลจ.ที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ทำให้ตอบสนองต่อภาวะตลาดได้อย่างรวดเร็ว และคล่องแคล่วว่องไว หากมีโอกาสในการลงทุนจึงสามารถออกกองทุนเพื่อจับจังหวะในการสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าได้ทันที” นายอิศรา กล่าว

ด้านผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการนั้น “นางสาวนิตยา เลิศแสงเพชร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์และช่องทางบริการ “บลจ.วี” เปิดเผยว่า ในด้านของผลิตภัณฑ์มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนควบคู่กับการบริหารความเสี่ยง โดยเน้นในด้านความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการบริหารจัดการกองทุน ซึ่งจุดแข็งของบริษัทในด้านของบุคลากรและพันธมิตรทางธุรกิจด้านจัดการลงทุน ทำให้บริษัทสามารถเติมเต็มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์การลงทุนได้ดี
“เราเชื่อว่ากองทุนที่มีสไตล์และแนวทางการลงทุนที่ชัดเจนจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม ซึ่งในการคัดเลือกพันธมิตรด้านจัดการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทคัดเลือกกองทุนและบริษัทจัดการกองทุนรวมต่างประเทศที่มีปรัชญาการลงทุนที่ใกล้เคียงกับ บลจ. วี และนำเสนอการลงทุนโดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้าเป็นสำคัญ” นางสาวนิตยากล่าว

ในช่วงครึ่งปีหลัง บลจ.วี มีแผนในการออกกองทุนรวมอีก ประมาณ 12 กองทุน ได้แก่ กองทุนทางเลือกทดแทนกองทุนตราสารหนี้ ประเภท Term Fund กองทุนตราสารทุน ประเภท Global Security Fund, กองทุนต่างประเทศ ที่เน้นการจัดสินทรัพย์การลงทุนประเภท Global Multi Asset Income Fund และกองทุนตราสารทุน เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการลูกค้าในการจัดสรรพอรต์การลงทุนที่เหมาะสมในปีนี้
ด้านช่องทางการขาย ปัจจุบันบริษัทได้เชื่อมต่อระบบ FundConnext ซึ่งเป็นระบบหลักที่สามารถรองรับช่องทางการ

ขายได้หลากหลายช่องทาง ทั้งด้านตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุน (Selling agent) และการเชื่อมต่อกับ Fintech โดยระบบสามารถรองรับการซื้อขายหน่วยลงทุนกับตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนได้ดี สะท้อนจากการเสนอขายหน่วยลงทุนช่วงที่ผ่านมาของบริษัทผ่านทาง บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บนระบบดังกล่าวทั้งนี้ คาดว่าในช่วงปลายปี บริษัทจะสามารถเปิดช่องทางซื้อขายกองทุนรวมผ่าน Streaming for Fund และการเปิดบัญชีซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ รวมถึงการขยายช่องทางการขายผ่านตัวแทนซื้อขายหน่วยลงทุนอื่น ๆ ที่จะเริ่มทยอยเพิ่มขึ้นในปีนี้ เปิด IPO กองทุน WE-GTECH ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก

“นางสาวนิตยา” กล่าวเพิ่มเติมว่า ตั้งแต่วันนี้ – 7 ส.ค. 2562 บลจ.วี เปิดเสนอขาย IPO กองทุนเปิด วี โกลบอลเทคโนโลยี (WE-GTECH) ซึ่งเป็นกองทุนที่เราเชื่อว่าการลงทุนในเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ผู้ลงทุนควรจัดสรรอยู่ในพอร์ตการลงทุน จากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคตามกระแสการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งธุรกิจต่าง ๆ มีการปรับตัวใช้เทคโนโลยีเติมเต็มธุรกิจเพื่อตอบสนองผู้บริโภค ขณะเดียวกันการคัดเลือกหุ้นเทคโนโลยีจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถวิเคราะห์แนวโน้มการทำธุรกิจของหุ้นเทคว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและบริหารความเสี่ยงได้ดี บลจ.วี จึงคัดเลือก POLAR CAPITAL ASSET MANAGEMENT ซึ่งเป็นผู้นำด้านการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่ในยุโรปเป็นผู้บริหารกองทุนดังกล่าว

ทั้งนี้ กองทุนเปิด วี โกลบอลเทคโนโลยี (WE-GTECH) มีนโยบายลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตตาม Mega Trendทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก POLAR CAPITAL FUNDS PLC GLOBAL TECHNOLOGY FUND ที่เน้นเลือกลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกและพฤติกรรมผู้บริโภค และมีแนวโน้มการเติบโตของรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอ

กองทุนกระจายลงทุนใน 8 กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสำคัญที่อยู่ในโครงสร้างธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เติบโตยั่งยืนตามพฤติกรรมผู้บริโภค ได้แก่ E-Commerce and Payment, Digital Advertising and Marketing, Cyber and Physical Security, Cloud Infrastructure, Software As A Service, Digital Content and Gaming, Robotic and Automation และ Rising Semiconductor Complexity โดยเลือกลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 200 ล้านดอลลาร์ มีการเติบโตอย่างน้อยในระดับ 1.5-2 เท่า เมื่อเทียบกับการเติบโตของดัชนี และมีการเติบโตของรายได้ประมาณ 15-25% ต่อปี ซึ่งจากแนวทางการบริหารกองทุนที่มีความชัดเจนสะท้อนผลถึงการดำเนินงานกองทุนที่ดีตลอดช่วงการบริหารกองทุนกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

บลจ.วี ประเมินว่ากำไรของกลุ่มเทคโนโลยีในไตรมาสที่ 2 จะยังมีการเติบโตที่ดี ขณะที่การส่งสัญญาณผ่อนคลายของนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง จะส่งผลบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี

Latest articles

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z ชอบรวมกลุ่มเข้าป่า ส่งสินค้ากลางแจ้งยอดพุ่ง

เผยเทรนด์ฮิตปลายปี 68 กลุ่ม Gen Y – Gen Z  กิจกรรมกลางแจ้ง รวมกลุ่มเข้าป่า ตั้งแคมป์ ให้ธรรมชาติฮีลใจ”ดีแคทลอน ตอบรับกระแสปลายปี เปิดสาขาใหม่ บางกะปิ ด้วยกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People”

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ

ซีเล็ค x เด็กสมบูรณ์ เปิดตัว “ปลาทูน่านึ่งซีอิ๊ว” ชู SMART PROTEIN สะดวกดีต่อสุขภาพ คู่ความอร่อยคูณสองแบบต้นตำรับ 

SABINA จัดแคมเปญโปรโมชั่น 11.11 ดีลแรง กระตุ้นยอดขายไตรมาสสุดท้าย

“ซาบีน่า” จัดแคมเปญโปรโมชั่นเอาใจเหล่านักช้อป “11.11 สิ้นสุดการรอคอยน์ ซาบีน่าลดให้เลย 1,111 บาท” เมื่อช้อปสินค้าครบ 2,500 บาท

 เปิดตัว Canon EOS R6 Mark III ความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล รองรับวิดีโอแบบ Open Gate

EOS R6 Mark III เปิดมาตรฐานใหม่แห่งการสร้างสรรค์ ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล บันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate

More like this